ตำรวจไซเบอร์ รวบ 17 ผู้ต้องหา แก๊งหลอกทำภารกิจออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ 17 ผู้ต้องหา แก๊งหลอกทำภารกิจออนไลน์ พร้อมยึดของกลางกว่า 5 ล้านบาท พบคดีหลอกทำภารกิจสูงเป็นอันดับ 2 ของระบบรับแจ้งความออนไลน์
วันนี้ (10 พ.ย. 66) เวลา 15:00 น. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 และคณะ แถลงข่าวผลการปฏิบัติการ ”Operation: Job Scam รุกฆาตแก๊งหลอกทำภารกิจ“ พร้อมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ 17 ราย และยึดทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
โดยพฤติการณ์ของมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินทำภารกิจ โดยโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลหรือทักแชทหาผู้เสียหายเพื่อเสนอให้ทำงานที่ง่ายแต่รายได้ดี เช่น การดูวิดีโอบน youtube เพิ่มยอดวิว การกดรีวิวสินค้า การออเดอร์สินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง หากมีเหยื่อหลงเชื่อมิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อรอรับผลตอบแทน ซึ่งในครั้งแรกจะให้ลงทุนในจำนวนน้อยแล้วได้ผลตอบแทนกลับมาจริง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อตายใจว่าทำแล้วได้เงินจริง จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกล่อให้ผู้เสียหายค่อยๆ โอนเงินในจำนวนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หากผู้เสียหายต้องการถอนเงินคืน มิจฉาชีพจะอ้างเหตุผลให้โอนเงินจนถึงขั้นต่ำ หรือ ให้โอนเงินค่าภาษี ค่าธรรมเนียม หรือค่าอื่นๆ จึงจะถอนเงินคืนได้ และจะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเหยื่อจะรู้ตัวว่าโดนหลอกลวง จนสุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้
สำหรับปฎิบัติการในครั้งนี้ เริ่มจากมีผู้เสียหายที่เป็นเด็กนักเรียน ม.4 ในจังหวัดนครราชสีมา ไปพบ Instagram ชื่อ “g rayhuman” ได้โพสต์รับสมัครงานดูวิดีโอในเว็บไซต์ YouTube โดยอ้างว่าเพื่อเพิ่มยอดคนเข้าชม และรับประกันรายได้จริง จึงได้เพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชั่น LINE และติดต่อผ่านแอดมิน จากนั้นจึงได้แชทพูดคุยกัน โดยแอดมินได้หลอกให้โอนเงินลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลง โดยเด็กนักเรียนผู้เสียหายรายนี้ได้โอนเงินไป จำนวน 16 ครั้ง รวม 302,500 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ถึง มกราคม 2566
พล.ต.ต.สถิตย์ ระบุว่า ตำรวจ บก.สอท.3 จึงสืบสวนขยายผลวิเคราะห์เส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย โดยนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีบัญชีม้าในแถวที่ 2 ในคดีนี้ ไปเชื่อมโยงเป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ในคดีอื่นอีก 121 คดี และมีความเกี่ยวพันกันในหลายพื้นที่ โดยแก๊งคนร้ายรายนี้ มียอดเงินหมุนเวียนในรอบ 6 เดือน ไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาท
อีกทั้ง ยังพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้มีการตั้งบริษัททำธุรกิจแก๊สบังหน้า มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท แต่จากการไปตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตามหลักฐานการจดทะเบียนบริษัทก็พบว่า เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์เก่าๆ ที่ถูกนำมาทำเป็นบริษัท
ต่อมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวการ และบัญชีม้าได้ 38 ราย โดยมีชาวกัมพูชา 4 รายที่อยู่ในจำนวนดังกล่าว ซึ่งทำงานแลกเงินในคาสิโนแห่งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้าน และขอศาลอนุมัติหมายค้นเพื่อตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และสระแก้ว จนมาสู่ปฎิบัติการครั้งนี้ สามารถจับผู้ต้องหาได้ 17 ราย ยึดของกลางมีเงินสด 3 ล้านบาท ทองรูปพรรณ หนัก 13 บาท และอายัดเงินในบัญชีได้อีกกว่า 2 ล้านบาท จึงดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันฟอกเงิน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากสถิติระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่า คดีหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน (ทำภารกิจ) เป็นคดีออนไลน์ที่มีผู้เสียหายเป็นอันดับที่ 2 กว่า 46,488 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5 พันล้านบาท เป็นรองเพียงแค่คดีหลอกขายสินค้า