เจ้าหน้าที่นำตัว ทนายตั้ม- ภรรยา เข้าเรือนจำหลังศาลไม่ให้ประกันตัว

วันนี้ (8 พ.ย. 67) ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง มีสื่อมวลชนมาเฝ้าปักหลักรอ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และภรรยา หลังศาลอาญาพิจารณาไม่ให้ประกันตัวนายษิทธา และภรรยา เพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และผู้ต้องหาจะหลบหนี โดย นายษิทรา ถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน ส่วนภรรยาถูกแจ้ง 1 ข้อหา คือ ร่วมกันฟอกเงิน
เวลา 17.21 น. รถควบคุมผู้ต้องขังได้นำตัว นายษิทรา เข้าฝากขังภายในเรือนจำ และภรรยา เข้าฝากขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
สำหรับ นายษิทรา ถูกดำเนินคดีฐาน ฉ้อโกง, ฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทาความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ขณะที่ นางปทิตตา ถูกดำเนินคดีฐาน ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทาความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทาความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), มาตรา 5, มาตรา 9 วรรคสอง และมาตรา 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ทั้งนี้ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และความเสียหายมีมูลค่าสูง หากผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ศาลอาญาพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 แล้ว จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาได้ โดยภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง ผู้ต้องหาที่ 1 (นายษิทรา) ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 (นางปทิตตา) ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในวงเงิน 500,000 บาท และขอติดอุปกรณ์กำไล EM
ต่อมา ศาลอาญา พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดี พนักงานสอบสวนคัดค้านเกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และผู้เสียหายคัดค้านเกรงจะหลบหนีไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหายคืน ประกอบกับต้องทำการสอบสวนพยานอีก 10 ปาก กรณีอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนได้ และเป็นกรณีที่มีความจำเป็นต้องปกป้องกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงเข้าสู่สำนวนคดี ในชั้นสอบสวนนี้จึงมีเหตุอันสมควรที่จะรอฟังผลให้เสร็จสิ้นก่อน จึงให้ยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว