เปิดยุทธการฟ้าสาง บุกรวบขบวนการ ละเมิดลิขสิทธิ์เหรียญหลวงพ่อกวย
เปิดยุทธการฟ้าสาง บุกรวบขบวนการ ละเมิดลิขสิทธิ์เหรียญหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ‘รุ่นแรงศรัทธา’ พบมีผลประโยชน์กว่า 100 ล้านบาท
วันนี้ (8 ม.ค. 65) พ.ต.ท.วีระพงษ์ หอมหวล รอง ผกก.1 บก.ปอศ. ร่วมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เปิด ‘ยุทธการฟ้าสาง’ นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านนาย ‘อาร์ท อยุธยา’ ในพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา ตามหมายศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง กรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ผลิตเหรียญหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ซึ่งลิขสิทธิ์เป็นของวัดโฆสิตาราม เมื่อทำการตรวจค้นที่บ้านนายอาร์ท กลับพบเพียงภรรยาแต่อยู่ที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายค้น พร้อมตรวจ ATK หาเชื้อโควิด-19 ก่อนทำการตรวจค้นภายในบ้านของนายอาร์ท โดยพบของกลางบางส่วนเป็นเหรียญหลวงพ่อกวย
โดยภรรยาของนายอาร์ท เปิดเผยว่า นายอาร์ท เป็นคนรับออเดอร์ ตนเป็นคนแพ็คของส่งให้กับลูกค้า เพิ่งเริ่มส่งในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ เฉลี่ยจัดส่งประมาณ 10 กล่องเท่านั้น ส่วนราคาของเหรียญหลวงพ่อกวยตนไม่รู้รายละเอียดในเรื่องนี้ พฤติการณ์เบื้องต้นพบว่ากระบวนการของนาย ‘อาร์ท อยุธยา’ มีขบวนการใหญ่ในหลายพื้นที่ เช่น ใน จว.พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท และ ปราจีนบุรี ฯลฯ โดยมีโรงงานการผลิตขึ้นโดยเฉพาะ
จากการสอบถามเบื้องต้นพบว่า มีเครือข่ายในการปั่นราคาด้วย พบว่าผลประโยชน์จากการละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งนี้มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เบื้องต้นมีชุดตำรวจมีการล่อซื้อมา จากการตรวจสอบพบว่า เหรียญหลวงพ่อกวย ที่นายอาร์ท ผลิตขึ้น มีลักษณะคล้ายกับของจริงที่เป็นลิขสิทธิ์ของวัดโฆสิตาราม แล้วมีการเติมตัวหนังสือเป็นชื่อรุ่นว่า ‘แรงศรัทธา’
ต่อมาตำรวจได้นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.ปทุมธานี ที่รับผลิตเหรียญหลวงพ่อกวย ซึ่งพบของกลางเป็นหลวงพ่อกรวยประมาณ 30,000 เหรียญ และแท่นพิมพ์ที่ใช้ในการผลิตเหรียญดังกล่าว โดยเจ้าของโรงงานเปิดเผยว่า ได้รับผลิตเหรียญหลวงพ่อกวยจริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งทางโรงงานได้ประสานงานร่วมกับนายเอก อิสวาสุ ซึ่งเป็นคนว่าจ้างการผลิต และคาดว่าเป็นขบวนการเดียวกันกับนายอาร์ท โดยทางโรงงานได้รับยอดสั่งผลิตจำนวน 88,800 เหรียญ ผลิตไปแล้วทั้งหมด แต่ส่งมอบของไปแล้วประมาณ 60,000 เหรียญ เหลือยังไม่ส่งประมาณ 30,000 เหรียญ สำหรับค่าจ้างผลิตรวม 7 ล้านบาท ส่วนโรงงานจะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องดูว่ามีเจตนาร่วมมือหรือไม่ ซึ่งเจ้าของโรงงานพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนตามกระบวนการต่อไป
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวว่า ต้นทุนในการผลิตเหรียญเฉลี่ยอยู่ที่ 18 บาทต่อเหรียญ โดยคาดว่าผลประโยชน์ครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จากนี้จะมีการขยายผลไปถึงนายทุนและผู้ร่วมขบวนการคนอื่นต่อไป ด้านความผิดมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา ส่วนการฉ้อโกงประชาชน เชื่อว่าคนที่ซื้อเหรียญหลวงพ่อกวยรุ่นนี้ไป หากทราบแล้วว่ามีการละเมิดลิขสิทธิ์ หากได้รับซื้อไปจากขบวนการเหล่านี้ ก็ถือว่ามีความผิดร่วมกัน
เพราะฉะนั้น อยากให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่โดยการมาแจ้งความเป็นผู้เสียหายและนำของกลางทั้งหมดมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. จากนี้จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป ส่วนการปลุกเสก นายอัจฉริยะ คาดว่ามีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่นำไปปลุกเสก เปรียบเสมือนเป็นการหลอกประชาชน เหมือนกับได้พระที่เป็นโลหะไปโดยที่ไม่มีการทำพิธีปลุกเสกแต่อย่างใด พร้อมกันนี้ได้ฝากถึงบุคคลที่บูชาเหรียญหลวงพ่อกวยด้วยว่า ของแท้มีเพียงที่วัดโฆสิตารามเท่านั้น