สตม.แถลงผลจับกุมเครือข่ายขนแรงงานผิดกฎหมาย ยึดทรัพย์กว่า 700 ล้าน
สตม. แถลงผลจับกุมเครือข่ายขนแรงงานเข้าเมืองผิดกฎหมาย 3 คดี จับกุมรวมแล้ว 70 ราย ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท
วันนี้ (5 ส.ค. 67) เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม.พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 พ.ต.ท.พิระวัตร์ วงศ์ศิริเมธีกุล สวญ.ตม.จ.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี
คดีแรก สตม. จับกุมขบวนการขนคนต่างชาติอ้างโปรไฟล์รับขนส่งทั่วไทย สืบเนื่องจากวันที่ 4 ก.พ. 67 ตม.น่าน ร่วมกับ นปพ.กก.สส.ภ.จ.น่าน ประจำจุดตรวจห้วยน้ำอุ่น จับกุมนายจิระวัฒน์ อายุ 50 ปี พร้อมคนสัญชาติกัมพูชา 6 คน ในความผิดฐาน “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
จากการสอบถาม นายจิระวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าได้รับงาน รับ-ส่ง คนต่างชาติจากนายหนูเรียง ตกลงค่าจ้างไว้ 18,000 บาท ให้ส่งคนจำนวน 6 คน จากต้นทาง อ.เชียงม่วน จ.พะเยา ปลายทางบริเวณชายแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี และจะได้รับค่าจ้างหลังจากส่งตัวที่ปลายทางแล้ว โดยใช้แอปพลิเคชัน Zello และ Line ติดต่อกับนายหนูเรียง
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลพบว่า นายหนูเรียงมีพฤติกรรมลักลอบรับ-ส่ง คนต่างชาติทั่วราชอาณาจักร และลักลอบขนส่งคนต่างชาติไปยังพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้ นายหนูเรียงยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ในข้อหา “ให้ที่พัก ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ตม.จ.น่าน จึงร่วมกับ ตม.จ.สุรินทร์ จับกุม นายหนูเรียง อายุ 48 ปี สัญชาติไทย ที่บริเวณถนนสาธารณะคุ้มวัดกลาง หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จ.น่าน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ สอง สตม.ตามรวบบังหยัน หัวโจกขนแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองข้ามชาติ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 66 ตม.จ.สงขลา จับกุมแรงงานสัญชาติบังกลาเทศหลบหนีเข้าเมือง 19 คน พร้อมผู้ให้การช่วยเหลือ 2 คน ที่ถนนสายเอเชียหมายเลข 2 ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา จากนั้นขยายผลการจับกุมพบว่า ซัฟยัน หรือ ‘บังหยัน’ อายุ 24 ปี สัญชาติไทย อยู่เบื้องหลัง จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าซัฟยันหลบอยู่ที่บ้านพักในเขต อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จึงประสาน ตม.จ.ปัตตานี ร่วมกับชุดสืบสวน บก.สส.จชต. และ สภ.หนองจิก ตรวจสอบและจับกุมที่บ้านหลังดังกล่าวในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ พ้นจากการจับกุม” คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรรัตภูมิเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สำหรับซัฟยัน เป็นตัวการระดับสั่งการลำเลียงแรงงานสัญชาติบังกลาเทศจากกัมพูชาผิดกฎหมายผ่านประเทศไทยไปยังมาเลเซียทางช่องทางธรรมชาติ มีหมายจับติดตัว 2 หมายจับ โดยจะทำหน้าที่ประสานกับนายหน้าประเทศเพื่อนบ้าน จัดหารถขนแรงงานครั้งละ 15-20 คน จากพื้นที่ตอนบนมายังภาคใต้ตลอดเส้นทาง
เจ้าหน้าที่ยังพบว่าเครือข่ายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนำพาคนต่างชาติหลบหนีเข้าเมืองที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเคยจับกุมมาแล้ว 3 คดี ในการทลายเครือข่ายครั้งนี้ ถือเป็นการตัดวงจรสำคัญในการขนแรงงานผ่านประเทศไทย สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง 62 คน เป็นคนไทย 10 คน คนต่างชาติ 52 คน
คดีที่สาม สตม.จับกุมนายหน้าผู้ประสานงานขบวนการขนคนต่างชาติลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 66 เกิดอุบัติเหตุรถกระบะตู้ทึบขนชาวเมียนมาพลิกคว่ำบริเวณ ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พบชาวเมียนมาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย 18 คน ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายสิทธิศักดิ์ อายุ 20 ปี ส่ง สภ.สลุย จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมาย
เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลพบว่า ผู้ต้องหารับการว่าจ้างให้รับชาวเมียนมาที่ ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไปส่งยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีรถที่ไปรับด้วยกันอีก 1 คัน คือ นายธีรพงษ์ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่านายธีรพงษ์ได้รับโอนเงินค่าน้ำมันมาจากนายฮาวาย อายุ 36 ปี สัญชาติไทย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับนายฮาวาย
ต่อมา ตม.จ.ชุมพร ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. จับกุมนายฮาวายในความผิดฐาน “ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” โดยจับกุมที่ริมถนนเทศบาล 4 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
จากการขยายผลพบว่านายฮาวายรับการประสานจากนายหน้าในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยนายฮาวายทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหารถขนคนต่างด้าวจากพื้นที่ภาคกลางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ร่วมกับนายอนุรักษ์ ได้ส่วนต่างจากการติดต่อจัดหารถหัวละ 1,000 บาท ซึ่งมีคดีที่พบความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับนายฮาวาย และนายอนุรักษ์ อีก 4 คดี เกี่ยวข้องกับการลักลอมนำแรงงานเข้ามาในประเทศ
พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบเครือข่ายลักลอบขนแรงงานหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายทั้ง 5 เครือข่าย มีความเชื่อมโยงกันหมด โดยเป็นการจับกุมทั้งสิ้น 14 คดี จับกุมผู้ต้องหา 70 ราย จับกุมในที่เกิดเหตุ 22 ราย สืบสวบขยายผลออกหมายจับทั้งหมล 57 หมายจับ แบ่งเป็นความผิดฐานช่วยเหล็อซ่อนเร่น 45 หมายจับ แบ่งเป็นฐานความผิดมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม 12 หมายจับ จับกุมเมียนมาหลบหนีเข้าเมือง 464 ราย ตรวจยึดยานพาหนะ 27 คัน ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 700 กว่าล้านบาท