ผบ.ตร. เผย สถิติใช้ปืนแบลงค์กันก่อเหตุเพิ่มสูงขึ้น
สั่ง สอท. ตั้งทีมจับกุมขายปืนออนไลน์ ประสานกรมการปกครอง เตรียมยกระดับควบคุม พร้อมประชาสัมพันธ์เรียนรู้วิธี “หนี้-ซ่อน-สู้” มองไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
วันนี้ (4 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากหารือกับนายกรัฐมนตรี ถึงความคืบหน้าคดีช้อาวุธปืนที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ผู้ที่กระทำความผิดเป็นเด็ก ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำอยู่ ส่วนที่ท่านนายกฯ เข้ามากำชับวันนี้ คือให้แนวทางยกระดับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยพบว่า จากสถิติการเกิดอาชญากรรมโดยใช้อาวุธปืนในช่วงสองเดือนก่อน เราได้มีการปิดล้อมตรวจค้นหลายร้อยจุด และสามารถจับผู้ต้องหาได้กว่า 2,000 คดี จับกุมปืนได้ทั้งหมด 900 กว่ากระบอก
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังดูจากสถิติ ปืนจริงแทบไม่ได้ถูกนำออกมากระทำความผิด แต่ในคดีที่เกิดขึ้น กลับเป็นปืนแบลงค์กัน ที่มีแนวโน้มนำมาก่อเหตุเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ไม่มีกฎหมายใดบังคับคนขาย โดยคนขายขอใบอนุญาตขาย ส่วนคนซื้อไม่ต้องมีใบอนุญาตในการครอบครองอาวุธปืน ทั้งนี้ยังสามารถนำไปดัดแปลงได้
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ในขั้นแรกได้สั่งการไปเมื่อวานนี้ให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ตั้งทีมจับกุมเว็บที่ขายปืนทางออนไลน์ โดยจะต้องเจาะเว็บเหล่านี้ให้ได้ ส่วนเรื่องข้อกฎหมายมีการประสานกรมการปกครอง เพื่อไม่ให้ปืนแบลงค์กันสามารถซื้อขาย ไม่ให้มีการนำเข้ามาเหมือนสิ่งเทียมอาวุธปืน เพราะทำให้ปืนเหล่านี้หลุดเข้ามาในท้องตลาด นับเป็นการยกระดับข้อกฎหมายขึ้นไป ซึ่งส่วนนี้ได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีไปแล้ว
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยังฝากประชาสัมพันธ์ว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน ไม่อยากให้พูดถึงผู้ก่อเหตุ ไม่ต้องไปสร้างจุดสนใจ หากทำเช่นนี้จะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้ รวมถึงการสอนเรื่อง หนี-ซ่อน-สู้ ที่เป็นวิธีการเอาตัวรอดเมื่อเหตุการณ์ยิงกัน สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันได้จริง จากตัวอย่างเมื่อวานนี้มีนักเรียนที่ได้รับการฝึกสอน ก็สามารถนำวิธีดังกล่าวไปปรับใช้ในเหตุการณ์จริง ซึ่งจากการสังเกตผู้ร้ายจะเลือกกระทำกับผู้อ่อนแอ ในพื้นที่โรงเรียน โรงภาพยนตร์ และห้างสรรพสินค้า ซึ่งอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่าคลิปเหล่านี้มีประโยชน์จริง ๆ จากเมื่อก่อนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่ตอนนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวแล้ว
