ตัวแทน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ พากลุ่มจำหน่ายสินค้า ยื่นขอความเป็นธรรม – ถอนแจ้งความบริษัท
ตัวแทน ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ พากลุ่มจำหน่ายสินค้า ยื่นขอความเป็นธรรม – ถอนแจ้งความบริษัท ชี้ ส่วนใหญ่แจ้งความตามกระแสสังคม ย้ำ ยังเชื่อมั่นในบริษัท หวัง 18 บอส ได้ออกมาสู้คดีด้วยความยุติธรรม
วันนี้ (3 ม.ค. 68) เวลา 10:30 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด น.ส.ปัณณธร (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นตัวแทนของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด พากลุ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทกว่า 60-70 คน เดินทางมายื่นหนังสือถอนคำร้องทุกข์เพิ่มเติม และหนังสือขอความเป็นธรรมถึงอัยการสูงสุด รวมทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายที่อยู่ต่างประเทศอีก 10 คน ได้ส่งหนังสือมาเพื่อยื่นเอกสารเช่นเดียวกัน
น.ส.ปัณณธร เปิดเผยว่า ทุกคนที่มาในวันนี้ได้มีการคิดวิเคราะห์พิจารณาแล้วว่า การที่ไปแจ้งความนั้นมีบางส่วนที่ไม่เป็นความจริง และต้องการมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยขอให้การเพิ่มเติมกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด และถอนแจ้งความ รวมถึงมาติดตามทวงถามความคืบหน้า กรณีที่มีการยื่นหนังสือยืนยันความบริสุทธิ์ให้บริษัทไปแล้วถึง 2 รอบ โดยปัจจุบันยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาในเรื่องนี้ จึงต้องการที่จะทวงถามให้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน
อีกทั้ง ในฐานะที่ตนเองเป็นตัวแทนของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ได้มาแจ้งความจำนงโดยต้องการให้การเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะหลังจากที่เกิดเหตุดังกล่าว ก็มีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตื่นตระหนกจากข่าวปลอม และกลัวว่าตนเองจะไม่ได้รับสินค้าจากบริษัท จึงเดินทางมาเป็นประจักษ์พยาน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป พร้อมบอกว่าที่ผ่านมาบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป และพวกตนไม่ได้รับความเป็นธรรมยังยืนยันว่า บริษัทไอคอนกรุ๊ปนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเราส่วนใหญ่ยังสามารถที่จะขายสินค้า และได้กำไรจากการขายสินค้าอยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่ที่มีคนไปยื่นคัดค้านการประกันตัวกลุ่มบอสดิไอคอนกรุ๊ปที่ศาลอาญาในวันนี้ น.ส.ปัณณธร ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้มีความกังวล และมองว่าเป็นสิทธิ์ของเขา ซึ่งอาจจะขาดการไตร่ตรองหรือไม่ หากเขาอยากจะแก้ไข เราก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเราในฐานะพยานฝั่งดิไอคอนกรุ๊ป เราก็จะทำให้เห็นว่ามีการขายสินค้าจริง เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง มีหลักฐานพร้อมให้ตรวจสอบทุกอย่างที่จะยื่นต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบ
ส่วนตัวแทนทั้งหมดที่มาถอนแจ้งความแล้วในวันนี้มีทั้งหมด 200 คน แต่พยานหลักฐานที่รวบรวมได้ที่เป็นประจักษ์พยานของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปมีประมาณทั้งหมด 2,000 คน โดยหลังจากนี้ตนเอง และกลุ่มตัวแทนจะมายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดอีกครั้งในวันที่ 6 มกราคม 2568
เมื่อถามว่าอยากให้กำลังใจกลุ่มบอสดิไอคอนกรุ๊ปทั้ง 18 คนอย่างไรบ้างนั้น น.ส.ปัณณธร ระบุว่า เราขอให้กำลังกลุ่มบอสทั้งหมด และบริษัท ซึ่งเรายังเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ และเชื่อใจ ในบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป และบอสทั้ง 18 คน และเป็นกำลังใจให้กับเหล่าบอสเพื่อออกมาและสู้คดีด้วยความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นในเร็ววัน
ด้าน นางพรลภัส อ้นไชยะ อายุ 62 ปี เป็นตัวแทนขายสินค้าของดิไอคอนกรุ๊ป ระบุว่า ตนได้ซื้อสินค้ามามาทานมาใช้ด้วยตนเอง และรู้สึกว่าดี ได้ผลกับร่างกาย แต่พอมีข่าวออกมาก็เกิดความกลัว และตื่นเต้นตามกระแสข่าว โดยตามกระแสข่าวบอกว่า จะต้องไปแจ้งความ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดติดตัวไปด้วย ตนจึงลังเลอยู่สักพัก ก่อนที่คนรอบข้าง รวมถึงตามที่ตำรวจ และกระแสสังคมบอก จะมากดดันจะทำให้ตนเองตัดสินใจไปแจ้งความ ทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้อยากแจ้งความ เพราะเราได้สินค้ามา และใช้สินค้าจริง
ส่วนที่มาในวันนี้ ตนอยากจะบอกว่า เราอยากจะถอนแจ้งความ เพราะเราไม่ได้อยากแจ้งความตั้งแต่แรก ไม่ได้อยากจะเอาผิดกับบริษัท แต่ที่ไปแจ้งความนั้นเป็นเพราะกระแสสังคม พร้อมยืนยันว่า ตนเองเป็นตัวแทนขายสินค้า และไม่ได้เป็นหน้าม้า ซึ่งตนไม่เคยพูดคุยกับทนายความของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปเป็นการส่วนตัว
ขณะที่ น.ส.ยุวดี ทองมา อายุ 55 ปี ตัวแทนผู้ขายสินค้าอีกหนึ่งราย อ้างว่า ตนเองได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.แห่งหนึ่ง ซึ่งตนเองก็เป็นตัวแทนขายสินค้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป หลังจากเกิดกระแสข่าว ก็รู้สึกกังวล เพราะมีการบอกว่าจะต้องมีการอายัดทรัพย์สินของบริษัท จึงกังวลว่าจะไม่ได้รับสินค้าที่เก็บอยู่ภายในคลังสินค้า จึงได้เดินทางไปแจ้งความ แต่พนักงานสอบสวนลงบันทึกไม่ตรงคำให้การของตน โดยอ้างว่า ตำรวจบอกกับตนเองว่า “มันยุ่งยากไป เอาแบบนี้แล้วกัน“
อีกทั้ง หลังจากลงบันทึกประจำวันเสร็จ ตนก็ไม่ได้มีการตรวจสอบก่อน เนื่องจากไม่รู้ข้อกฎหมาย มีเพียงให้เซ็นรับทราบ ก่อนจะมารู้ภายหลังว่า คำให้การของตนไม่ตรงกับบอกเจ้าหน้าที่ โดยเนื้อหาในบันทึกประจำวันมีการบอกว่าตนเองเป็นผู้เสียหาย ในการซื้อสินค้าและลงคอร์สเรียนกับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปซึ่งเสียหายเป็นมูลค่า 500,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริงเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ตนเองใช้ซื้อสินค้า และได้รับสินค้าจริงโดยสินค้าที่เหลือถูกเก็บไว้ในคลังเก็บสินค้า
เมื่อถามว่า หากการถอนแจ้งความไม่สามารถทำได้จะมีความกังวลหรือไม่ น.ส.ยุวดี ได้ถามกลับผู้สื่อข่าวว่า ทำไมถึงถอนแจ้งความไม่ได้ ผู้สื่อข่าวจึงได้ย้ำว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ตามดีเอสไอแจ้ง น.ส.ยุวดี กล่าวว่า “ถ้าถอนแจ้งความไม่ได้จริงๆ และเรื่องมันไม่มีความผิด และเขาย้อนกลับมาหาเราล่ะคะ ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปสู้คดี “
เมื่อถามต่อว่า ได้พูดคุยกับทนายความของฝั่งดิไอคอนกรุ๊ปหรือไม่ หากไม่สามารถถอนแจ้งความได้ น.ส.ยุวดี กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งเราก็ได้ลองขอยื่นถอนแจ้งความ ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ก็มีการถอนแจ้งความให้ จึงทำให้รู้สึกโล่งใจ ซึ่งการที่เราจะไปใส่ร้ายใครสักคน มันเป็นความผิด พร้อมย้ำว่า ตนเองยังขายสินค้าอยู่ ตราบใดที่บริษัทยังเปิด จะไม่ขายก็ต่อเมื่อบริษัทปิดตัวลง