ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ‘พระพรหมดิลก’ คุก 8 เดือน ปรับ 8 พัน รอลงอาญา 1 ปี คดีทุจริตงบ พศ.
วันนี้ (2 มี.ค. 64) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนหมายเลขดำ อท.254/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อายุ 61 ปี อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.), นายบุญเลิศ โสภา อายุ 54 ปี อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง, นายแก้ว ชิดตะขบ อายุ 54 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อายุ 51 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา และพระพรหมดิลก หรือนายเอื้อน กลิ่นสาลี อายุ 75 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา/กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)/เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-5
ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ, ทำ, จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162 ประกอบมาตรา 83, 86
กรณีกล่าวหาทุจริตการจัดสรรงบในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 2546 – 15 ส.ค. 2557 โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2561
คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2563 พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์-จำเลยที่ได้ทำการไต่สวนแล้ว เห็นว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วน อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิด มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุก 1 ปีและปรับ 12,000 บาท โดยจำเลยที่ 1, 3, 4, 5 ให้การเป็นประโยชน์ในชั้นพิจารณาคดีอยู่บ้างเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1, 3, 4 คนละ 12 เดือน สำหรับจำเลยที่ 5 คงจำคุก 8 เดือนและปรับ 8,000 บาท
โดยในส่วนของอดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 5 นั้น ศาลเห็นว่า เคยประกอบคุณงามความดีในด้านพุทธศาสนา จบการศึกษาระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยพาราณสี ประเทศอินเดีย ทะนุบํารุงการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา อีกทั้งไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกนั้นจึงให้รอการลงโทษ (รอลงอาญา) ไว้มีกำหนด 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกไว้เป็นเวลา 9 เดือน
สำหรับวันนี้ พระพรหมดิลก หรือนายเอื้อน กลิ่นสาลี จำเลยที่ 5 เดินทางมาศาล เนื่องจากยื่นอุทธรณ์คดี ส่วนจำเลยอื่นไม่ยื่นอุทธรณ์ โดยมีคณะสงฆ์ และฆราวาสผู้ติดตามเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาให้กำลังใจ
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าประเด็นที่จำเลยที่ 5 ยื่นอุทธรณ์ทุกข้อฟังไม่ขึ้น จึงมีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี
นายอรรณพ บุญสว่าง ทนายความของพระพรหมดิลก เปิดเผยว่า พระพรหมดิลกอุทธรณ์ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการสนับสนุนการกระทำผิด แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ สามารถใช้อำนาจในการตรวจสอบงบประมาณต่างๆ ได้ ศาลจึงไม่เชื่อว่า จำเลยที่ 5 ไม่ทราบหรือไม่มีการตรวจสอบให้รอบคอบได้ จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เบื้องต้น ทีมทนายความปรึกษากันแล้ว จะยื่นเรื่องขอสู้คดีในชั้นศาลฎีกาต่อไป
นายอรรณพ ระบุด้วยว่า พระพรหมดิลกมีคดีเกี่ยวกับเงินทอนวัดอีก 2 คดี โดยคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อเดือน ก.ย. 2563 และศาลฯ ออกเอกสารรับรองสิ้นสุดคดีความไปเมื่อเดือน ก.พ. 2564 ส่วนอีกคดีเป็นการฟ้องในศาลแพ่ง เบื้องต้นขณะนี้ทนายได้ยื่นคำร้องถึงศาล เนื่องจากคดีอาญาฟอกเงินได้ถึงที่สุดแล้ว ในชั้นอุทธรณ์ของศาลแพ่งยังไม่มีคำสั่งใดๆ ลงมา