CRIME

ทนาย ’บอสพอล‘ โต้ ’อัจฉริยะ‘ ปม อ้างตำรวกองปราบฯ เรียกรับเงิน ’โค้ชแล็ป’

วันนี้ (1 พ.ย. 67) เวลา 10:15 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ บอสพอล เข้าให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับกรณีไฟล์คลิปเสียง ของนักร้อง ก. ที่รีดทรัพย์บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งได้ยื่นหลักฐานให้กับพนักงานสอบสวนไปแล้วก่อนหน้านี้

นายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้มาดำเนินการเกี่ยวกับนักร้องสาวให้เสร็จสิ้น หลังจากที่ค้างคามานาน โดยวันนี้เป็นการเดินทางมาให้การเพิ่มเติม หลังจากที่ส่งคลิปเสียงให้กับทางเจ้าหน้าที่ไปแล้ว โดยในวันนี้ตนเองจะให้การตามไฟล์เสียงว่าบุคคลในคลิปเสียงหมายถึงใคร และเข้าในข้อหาอะไรบ้าง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย จะต้องไปถามบอสพอล และ น.ส.ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร หรือบอสปัน ในเรือนจำ ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปสอบพยานในเรือนจำต่อ

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้คาดว่า มีทีมทนายอีกชุดหนึ่งที่ได้รับมอบอำนาจ จะเข้าแจ้งความเอาผิดนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากนายเอกภพ มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก และแจ้งความพยานเท็จที่นำมาให้การกับตำรวจในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งขณะนี้ตนเองทราบชื่อของพยานที่นายเอกภพพามาแล้ว โดยเป็นการสืบหาเอง ไม่ได้รู้จักพยานเท็จคนดังกล่าวแต่อย่างใด และพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป ส่วนจะเกี่ยวข้องอย่างไรกับนายเอกภพหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ

ส่วนกรณีที่แม่ของบอสพอลเป็นผู้ถือหุ้นในดิไอคอน กรุ๊ป แต่โดนคดีด้วยหรือไม่นั้น นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเป็นคนละเรื่องกัน เป็นเพียงคนถือหุ้น ไม่มีความผิด

สำหรับกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานมูลนิธิชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม อ้างว่ามีตำรวจกองปราบเรียกรับเงินจำนวน 9 ล้านบาท จากนายจิระวัฒน์ แสงภักดี หรือโค้ชแล็ปนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนเองได้ถามโค้ชแล็ปแล้ว ยืนยันว่าไม่มีตำรวจคนใดมาเรียกรับผลประโยชน์ รวมถึงทนายความ และภรรยาของโค้ชแล็ปก็ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงด้วยเช่นกัน และขออย่าให้ไปพูดแบบนั้น เพราะทางตำรวจจะเสียหาย

นาวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า ในสัปดาห์หน้ายังไม่แน่ใจว่าจะยื่นประกันตัวกลุ่มบอสของดิไอคอนหรือไม่ ส่วนกรณีที่เพจเฟซบุ๊กของดิไอคอนกรุ๊ป โพสต์ว่า จะปิดตึกใหญ่ในโครงการนั้น นายวิฑูรย์ ระบุว่า จริง โดยเป็นการปิดตึกสำนักงานใหญ่ ให้ไปใช้พื้นที่ของไอคอน เฮ้าส์ คาเฟ่แทน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ เนื่องจากขณะนี้บัญชีของบริษัทถูกอายัดและอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งส่วนตัวก็ยังกังวลเรื่องการจ่ายเงินให้กับผู้ที่ร่วมทำธุรกิจเช่นกัน โดยยืนยันว่าการปิดสำนักงานใหญ่ไม่กระทบกับการดำเนินกิจการ ขณะนี้โรงงานยังคงผลิตสินค้าเพื่อส่งให้ลูกค้าตามออเดอร์ และเชื่อว่าไม่ได้กระทบภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของบริษัท

ส่วนผู้เสียหายที่จะเข้ามาลงทะเบียนขอรับการเยียวยากับบริษัทนั้น นายวิฑูรย์ ระบุว่า ขณะนี้ขอปิดการลงทะเบียนชั่วคราว เพื่อตรวจสอบก่อนว่ารายชื่อที่ลงมาเบียน ใครบ้างที่เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง เพื่อตรวจสอบก่อนว่ารายชื่อที่ลงมาเบียน ใครบ้างที่เป็นผู้เสียหายที่แท้จริง

Related Posts

Send this to a friend