นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราบคดีที่น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหา โดยมีผู้ต้องหามีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหา นายมานัส ทับทิมที่ นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ดาบตำรวจธงชัย หรือ สจ. อ๊อด วจีสัจจะ และชายไทยไม่ทราบชื่อเป็นผู้ต้องหาที่ 1-7 ในคดีที่นายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของ น.ส.พนิดา ถูกอุ้มฆ่าโดยมูลเหตุสืบเนื่องจากการทำหน้าที่ผู้พิพากษาของนางสาวพนิดาซึ่งมีพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์เป็นจำเลยในคดีอาญาคดีหนึ่ง ตรวจสอบแล้วจึงมอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ซึ่งมีนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญซึ่งกลุ่มคนร้ายผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอุกอาจประชาชนและสื่อมวลชนต่างให้ความสนใจติดตามความคืบหน้าคดีมาอย่างต่อเนื่อง
คณะทำงานได้ร่วมกันพิจารณาสำนวนการสอบสวนโดยละเอียดรอบคอบแล้วได้เสนอความเห็นไปยัง นางสิริญาอินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริตและนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต เห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอโดยสั่งฟ้องพ.ต.ท. บรรยิน ตั้งภากรณ์ผู้ต้องหาที่ 1 นายมานัส ทับทิม ผู้ต้องหาที่ 2 นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ ผู้ต้องหาที่ 3 นายชาติชาย เมณฑ์กุล ผู้ต้องหาที่ 4 นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ผู้ต้องหาที่ 5 และดาบตำรวจธงชัยหรือสจ. อ๊อด วจีสัจจะ ผู้ต้องหาที่ 6 ในข้อหา
1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้
2. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย
3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
4. ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป
5. เป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต
6. ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป
7. ร่วมกันซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย
8. ร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี
9. ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน
และเฉพาะพ.ต.ท. บรรยินผู้ต้องหาที่ 1 ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานเพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญาอีกด้วย นอกจากนี้พนักงานอัยการยังขอให้นับโทษ พ.ต.ท. บรรยิน ผู้ต้องหาที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของศาลอาญากรุงเทพใต้ในคดีหมายเลขคดีแดงที่ 636/2563 ที่ศาลลงโทษจำคุกพ.ต.ท. บรรยินในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นเสี่ยชูวงศ์ และนับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขคดีดำที่ 4915/2559 ของศาลอาญาพระโขนงซึ่งพนักงานอัยการฟ้อง พ. ต. ท. บรรยิน ข้อหาฆ่าเสี่ยชูวงศ์โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลอีกด้วย
สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้องเพราะไม่มีพยานใดๆ ว่าผู้ต้องหาที่ 7 ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 เมื่อพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงานรองอธิบดีอัยการและอธิบดีอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับความเห็นของพนักงานสอบสวนโดยสั่งไม่ฟ้องชายไทยไม่ทราบชื่อผู้ต้องหาที่ 7 ตามเสนอและ ผบ.ตร. เห็นชอบตามคำสั่งพนักงานอัยการดังกล่าว
นายประยุทธกล่าวเพิ่มเติมว่าพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. บรรยิน กับพวกทั้ง 6 คนต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลางแล้วในวันนี้ โดยขั้นตอนต่อไปตามกฎหมายศาลจะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลยจะให้การอย่างไรพนักงานอัยการก็ต้องสืบพยานเพราะเป็นคดีมีโทษประหารชีวิต และสำหรับคดีนี้แม้เป็นคดีฆาตกรรม แต่ทางคดีมีข้อหาข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบต่อหน้าที่รวมอยู่ด้วยคดีจึงอยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตาม พรบ. จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 3 พนักงานอัยการจึงมีอำนาจฟ้องรวมทุกข้อหาในคดีนี้ต่อศาลดังกล่าว
Send this to a friend