“ผมจะไปสาบานว่าใครทำ จะบอกว่าใครทำขอให้เป็นยังไง ถ้าผมไม่ได้ทำ สิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ใครไปวางของไว้ ขอให้มีอันเป็นไปเช่นเดียวกัน”
นายชัยวัฒน์ ระบุว่าศาลจังหวัดเพชรบุรี ตัดสิน ทั้ง 3 ศาลพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้ควบคุมตัวบิลลี่ แต่ดีเอสไอมาทำคดี อยากให้กลับไปถามว่าใครเป็นคนชี้ เจอเศษกระโหลกตรงนั้น ก็จะรู้ว่าใครเป็นคนฆ่า ถ้ามีคนเจอต้องมีคนเห็น ต้องรู้ พยานคนนั้นต้องชี้ ว่าใครคนฆ่า
นายชัยวัฒน์ ระบุว่า กรณีของนายเกษม ลือฤทธิ์ ถูกเค้นสอบจนต้องกลับคำให้การยืนยันว่าไม่เห็นการปล่อยตัว ซึ่งนายเกษม ถูกซักจนคิดว่าถ้าซักอีกจะกระโดดตึกตายแล้ว
“เราเป็นคนปล่อย ทุกคนปล่อยตรงนั้น ใครจะเห็นไม่เห็นผมไม่รู้” นายชัยวัฒน์ย้ำ และยินดีให้ไปตรวจค้นทุกที่ ขอเพียงอย่าเอาหลักฐานเท็จมาใส่ร้ายเป็นพอ
นายชัยวัฒน์ ขอบคุณ ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังให้โอกาสก็บอกว่ายังมี 3 ศาล ก็ต่อสู้ไป
“ผมก็ทำหน้าที่นี้ ถ้ามีให้โอกาสที่ดีกว่านี้ จับกุมผู้มีอิทธิพล จะชำแหละ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ผมขอร้องเรื่องดราม่า เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว ผม บอล แทน ทูน ก็มีครอบครัว ผมมีลูก การฆ่าคน หั่นศพใส่ถังแล้วเผา เดียวไปสาบานกัน คนทำก็เลว สุดๆ คนเขียนบทนี้มาก็เลวไม่ใช่ย่อย” นายชัยวัฒน์ย้ำ
นายชัยวัฒน์ ยอมรับด้วยว่า น้อยใจ เพราะไม่เคยได้ประโยชน์สิ่งที่ทำ แผ่นดินสักชิ้นไม่เคยได้ จึงขอเรียนสื่อ ถ้าเป็นจริง เขียนเถอะ ถ้าไม่มีเขา ยังมีพญาเสือ น้องๆรักอยู่ อย่าทำให้คนที่ทำอยู่เสียกำลังใจ น้องๆกรมอุทยาน กรมป่าไม้ กรมทะเลและชายฝั่ง ดูเรื่องนี้อยู่
“ผมพิทักษ์ป่า ยืนสู้กันแบบไม่รู้อะไรเลย สื่อก็เห็นว่าเราได้รักษาผืนป่า แต่คนบางคนเห็นว่าเราทำไปเหยียบเท้าคนอื่น ก็ไม่เป็นไร วันนี้กระบวนการยุติธรรมเริ่มต้น ผมก็จะต่อสู้เปิดหน้าชนแล้ว”
นายชัยวัฒน์ ย้ำว่า ถ้าจะเชื่อสำนวนดีเอสไอในเรื่องนี้ เชื่อคำสาบานดีกว่า เพราะมีหลักฐานที่ต้องพิสูจน์กัน ไม่อยากให้คดีของตนเองจบลงแบบคดี พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ในคดีอุ้มฆ่าอัลลูไวรี่ ที่สุดท้ายศาลฏีกายกฟ้อง