นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีที่นายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมหญิงอายุ 51 ปี ในจังหวัดขอนแก่นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา และยังไม่สามารถจับตัวได้ ซึ่งพบว่ามีประวัติก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องมาแล้ว 5 ครั้ง เมื่อปี 2548 และพ้นโทษไปเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
คดีนี้เมื่อปี 2548 อัยการฟ้องไปครบทั้ง 5 คดี ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษประหารชีวิตทุกคดี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตทุกคดี แต่ตามกฎหมายแล้วผู้ต้องขังสามารถจำคุกได้สูงสุด 50 ปี และนายสมคิดก็ได้รับการพิจารณาลดโทษ เนื่องจากเป็นนักโทษชั้นเยี่ยมจนได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา
รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ยืนยันว่า ทุกคดีอัยการได้สั่งฟ้องตามกฎหมายทุกคดี และตามหลักของกฎหมายหากผู้ต้องขังพ้นโทษและมาก่อคดีอีกครั้งภายใน 5 ปี ก็จะสามารถบรรยายฟ้องให้ศาลเพิ่มโทษได้ 1 ใน 3 แต่คดีที่ผ่านมาเกิดเหตุต่อเนื่องไล่เลี่ยกัน ทำให้อัยการไม่ต้องบรรยายฟ้องเพิ่ม เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ก็จะต้องนับโทษคดีต่อเนื่องกัน แต่คดีนี้ศาลพิพากษาประหารชีวิต และลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตทุกคดี และตามกฎหมายจำคุกได้ 50 ปี จึงไม่สามารถเพิ่มโทษไปมากกว่านี้ได้
แต่หากคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด หากถูกสั่งฟ้องอัยการก็จะบรรยายฟ้องถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ที่เคยกระทำไปในอดีตถึงแม้ว่าจะรับสารภาพเพื่อประโยชน์ของการลดโทษ แต่อัยการจะแย้งถึงเหตุผลของประโยชน์ของคดีส่วนนี้ให้ศาลพิจารณาว่า ที่จำเลยรับสารภาพเพื่อหวังลดโทษ หรือรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน
ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาลดโทษในระหว่างถูกคุมขัง เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่จะพิจารณาว่าบุคคลใดเข้าเงื่อนไขบ้าง ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงในส่วนนี้ได้