BANGKOK

กทม.เตรียมออกคำสั่งรื้อ ป้อมเก็บค่าผ่านทางสะพานข้ามคลองพระโขนง ชี้ เป็นถนนภาวะจำยอม

ปลัด กทม. ตั้งคณะกรรมการสอบฯ ปม สวนชูวิทย์ ยืนยันให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมเตรียมออกคำสั่งรื้อ ป้อมเก็บค่าผ่านทางสะพานข้ามคลองพระโขนงสุขุมวิท 77 ชี้ เป็นถนนภาวะจำยอม เปิดให้บุคคลอื่นสัญจรได้

วันนี้ (30 มี.ค. 66) เวลา 12:00 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวถึงกรณีสวนชูวิทย์ บริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 10 เขตวัฒนา ซึ่งเป็นของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง รวมถึงกรณี “บมจ.แสนสิริ” เรียกเก็บค่าผ่านทางสะพานข้ามคลองพระโขนง ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มายื่นต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจสอบ ว่าเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือไม่

นายขจิต เปิดเผยว่า กทม. ได้รับทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนว่าที่ดินบริเวณถนนสุขุมวิท ได้มีการมอบให้เป็นที่สาธารณะแล้ว ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบหมายให้ปลัดกรุงเทพมหานคร เชิญหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง เช่น สำนักการโยธา สำนักงานกฎหมายและคดี และกองรายได้ สำนักการคลัง เข้าร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรดำเนินการ ดังนี้

1.ให้สำนักการโยธา (สนย.) ดูเรื่องการก่อสร้าง และการขออนุญาตก่อสร้างอย่างละเอียด รวมทั้งมีหนังสือแนะนำไปถึงบริษัทเกี่ยวกับเรื่องการร้องเรียน เพื่อให้ผู้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารทราบ และเสนอแนะ ให้ชะลอการก่อสร้างไว้ก่อนเนื่องจากหากเป็นที่สาธารณะอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

2.ให้กองรายได้ สำนักการคลัง ตรวจสอบเรื่องของการเสียภาษีที่ดินดังกล่าว

3.ให้สำนักงานกฎหมายและคดี ขอคัดสำเนาคำพิพากษาจากศาล และสรุปข้อเท็จจริง และรายงานให้ปลัดกรุงเทพมหานครทราบ และสั่งการตามที่เห็นสมควรต่อไป

นายขจิต กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ที่ดินแปลงดังกล่าว มีการเสียภาษีที่ดินถูกต้องตามกฎหมายตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงมีถ้อยคำในคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 19662-19664/2557 ว่า “จำเลยที่ 129 (นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์) นำที่ดินพิพาทมาก่อสร้างเป็น สวนสาธารณะเพื่อให้ประชาชนใช้พักผ่อน”

ทั้งนี้ นายขจิตยืนยันว่า เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย กรุงเทพมหานคร จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการ สอบสวนเกี่ยวกับการบุกรุกที่หรือทางสาธารณะประโยชน์ พ.ศ. 2539 เพื่อพิจารณา หากได้ความว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะจริง กรุงเทพมหานครจะได้ ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ส่วนประเด็นเรื่องของการการสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง บริเวณซอยสุขุมวิท 77 เพื่อออกสู่ถนนปรีดีพนมยง 2 ซึ่งเป็นถนนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ภายหลังมีการสร้างเสร็จ ปรากฏพบมีการตั้งป้อมเรียกเก็บเงินค่าผ่านทางมาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งนายขจิต กล่าวว่า กทม.มีการสืบหาข้อเท็จจริง โดยทำหนังสือสอบถามไปยัง สำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ทาง สผ.ตอบกลับมาว่า EIA ดังกล่าว ไม่ได้ระบุให้มีการจัดเก็บค่าผ่านสะพานและถนนภาวะจำยอมแต่อย่างใด และกำหนดมาตรการจัดทำป้าย เพื่อแสดงให้บุคคลภายนอกพื้นที่โครงการได้ทราบว่าถนนภาวะจำยอมดังกล่าว มีสภาพใช้ประโยชน์เป็นถนนสาธารณะเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้สัญจรได้

นายขจิต กล่าวต่อว่า ทางสำนักการโยธา (สนย.) จะทำหนังสือไปยังสำนักงานเขต เพื่อให้ทำตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ถ้าถนนเป็นสาธารณะ ก็เปิดใช้ให้ประชาชนใช้สอยร่วมกัน โดยสำนักงานเขตอาจจะพิจารณาออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนตู้เก็บค่าผ่านทางออก ส่วนคำสั่งทางปกครองที่ กทม.ออกไปทางบริษัทฯ สามารถคัดค้านคำสั่งดังกล่าวได้ โดยยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าฯ กทม. หรือฟ้องทางศาลปกครองให้มีการพิจารณา ว่าคำสั่งดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

นายขจิต กล่าวว่า ถ้าบริษัทฯ ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ หรือยื่นฟ้องศาลปกครอง และยังไม่มีการรื้อถอนตู้เก็บค่าผ่านทางออก กทม.จะดำเนินการฟ้องคดีอาญา ในข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เป็นการทำตามขั้นตอนตามกฎหมายปกติ ส่วนการรื้อถอนแล้วแต่ตามกฎหมายกำหนดระยะเวลาภายในกี่วัน

“ทาง สนย.จะทำหนังสือวันนี้ส่งไปทางเขต แล้วสำนักเขตก็ออกคำสั่ง ถ้าเป็นถนนสาธารณะก็ให้ดำเนินการไป ถ้าจะให้รัดกุม ผมจะส่งสำนักกฎหมายเซ็นเสนอผม แล้วให้ผมสั่งเขตในวันพรุ่งนี้” นายขจิตกล่าว

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat