กทม. จับมือ ทส. รับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5
กทม. จับมือ ทส. รับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมเดินหน้ากำจัดต้นตอ ป้องกันการเกิดฝุ่นในกรุงเทพฯ ทุกมิติ
วันนี้ (20 ต.ค.66) เวลา 10.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวการรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ กทม.ร่วมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย ดร.ปิ่นศักดิ์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้
นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาตลอดปี โดยร่วมมือกับกรมควบคุมมลพิษและมีแผนดำเนินการทุกวัน มีการเฝ้าระวังแจ้งเตือน Risk map ติดตั้ง sensor เพิ่ม การตรวจควันดำ และการให้ความรู้ประชาชน สำหรับแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤต ค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 มคก./ลบ.ม. จะแจ้งเตือน 3 ครั้ง/วัน กำจัดต้นตอโดยห้ามจอดรถถนนสายหลักและสายรอง วัดและศาลเจ้างดจุดธูปเทียน ห้ามเผาในที่โล่ง ส่วนการป้องกันประชาชน ให้ปรับรูปแบบการเรียนของโรงเรียน แจกหน้ากากอนามัย และจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 50 เขต ถ้าค่าฝุ่น 75.1 มคก./ลบ.ม. ต้องดูแลการก่อสร้าง ลดค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยาย และเครือข่าย Work From Home
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ฝุ่นสาเหตุหลักมาจากรถยนต์ แต่ช่วงต้นปีจะมาจากการเผาชีวมวลไม่ว่าจะเป็นอ้อย หรือข้าว โดยเฉพาะฝุ่นข้ามแดน รัฐบาลต้องดูเรื่องนี้เพิ่มขึ้น กทม.ทำ Risk map นำข้อมูลจุดเสี่ยงต่าง ๆ ลงแผนที่ทั้งหมด เช่น โรงงาน แพลนท์ปูน สถานที่ก่อสร้าง อู่พ่นสีรถ สามารถตรวจสอบได้ว่ามาตรวจเมื่อไหร่ ผลตรวจสอบเป็นอย่างไร มีเซ็นเซอร์ตรวจฝุ่น 722 จุด อนาคตจะเพิ่มเป็น 1,000 จุด และมีการปรับปรุงแอปพลิเคชัน AIR BKK สามารถพยากรณ์ได้แม่นยำขึ้น
สำหรับกรณีเผาชีวมวลในกรุงเทพฯ มีเขตหนองจอก มีนบุรี คลองสามวา ที่มีการทำเกษตรกร จะเฝ้าระวังภาพถ่ายดาวเทียมตลอด ถ้ามีจุด Hot Spot เกิดขึ้น จะให้เทศกิจเข้าไปดำเนินการที่ต้นตอ การกำจัดต้นตอของฝุ่นทำโดยตรวจที่แหล่งกำเนิด แต่พยายามไม่ไปตรวจบนถนนเนื่องจากอาจทำให้เกิดรถติด จึงตรวจที่ต้นกำเนิดแทน ที่ผ่านมาทำการตรวจรถยนต์ 135,000 คัน ไม่ผ่าน 2,141 คัน รถที่สภาพทั่วไป 37,000 คัน ไม่ผ่าน 217 คัน รถบรรทุก 92,000 คัน ไม่ผ่าน 529 คัน มีการทำห้องเรียนปลอดฝุ่น ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศให้กับศูนย์เด็กเล็กและให้กับโรงเรียนอนุบาล
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานครใกล้เข้าสู่สถานการณ์ฝุ่นจากสภาวะอากาศหนาวสภาพอากาศปิด อีกทั้งปีหน้าเอลนีโญจะส่งผลให้เกิดภัยแล้งมากขึ้น จึงเตรียมมาตรการรับมือทั้งการควบคุมไฟป่า การเผาพื้นที่ทางการเกษตร และการควบคุมการเกิดฝุ่นในกรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องเริ่มทำสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร คือ การควบคุมแหล่งกำเนิด ซึ่งเกือบ 70% มาจากยานพาหนะ ต้องเข้มงวดในการตรวจสอบและตรวจจับรถ โดยเฉพาะรถที่เข้ามาในเขต ให้ทำการการตรวจสอบสภาพรถยนต์การตรวจขันวินัยจราจร พื้นที่ก่อสร้าง รณรงค์ให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ ควบคุมโรงงานทุกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงในการปล่อยฝุ่นควัน สนับสนุนเกษตรกรไม่เผาตอซัง ฟางข้าว