มหาดไทยเตรียมกำหนดมาตรฐานราคากลางอุปกรชัชชาติ สิทธิพันธุ์ณ์กีฬาทั่วประเทศ

แก้ปัญหาระบบจัดซื้อจัดจ้างทั้งระบบ ด้าน กทม.ตั้งคณะกรรมการสอบแล้ว ย้ำไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องทุจริต พร้อมสั่งชะลอการซื้อเครื่องออกกำลังกาย 17 โครงการ
วันนี้ (8 มิ.ย. 67) นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานโครงการสำคัญของกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร บริเวณถนนราชดำเนิน เขตพระนคร เรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาว่า ปัญหาส่วนหนึ่งคือสำนักงบประมาณไม่เคยตั้งราคากลางมาตรฐานการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬาไว้ ทำให้เกิดขั้นตอนการสอบราคา นำมาซึ่งการฮั้วของผู้ประกอบการ ทำให้ราคากลางสูง เมื่อจัดซื้อจัดจ้างก็เกิดปัญหา
นายเกรียง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เชิญหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามากำหนดราคากลางของอุปกรณ์กีฬาแต่ก็ไม่สำเร็จ ในอนาคตจึงขอให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและกำหนดมาตรฐานราคากลางของอุปกรณ์กีฬาแต่ละประเภทให้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ผู้ว่าฯ กทม.กำลังแก้ไขปัญหาอยู่ในทุก ๆ ด้าน ซึ่งมหาดไทยอาจนำเป็นต้นแบบและโครงการนำร่อง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในทุกท้องถิ่นทั่วประเทศต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวว่า กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยมีปลัดกรุงเทพมหานครเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง กทม.พร้อมรับการตรวจสอบ และพยายามแก้ไขในเรื่องระบบการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่แค่กรณีเครื่องออกกำลังกาย แต่รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในอนาคตด้วย เมื่อพบผู้กระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและรวดเร็ว โดยมีคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ขอให้มั่นใจว่า กทม.ไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องทุจริต ขณะนี้มีคำสั่งชะลอทุกโครงการซื้อเครื่องออกกำลังกาย 17 โครงการ
“อุปกรณ์กีฬาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน กทม.ต้องการสร้างศูนย์กีฬาที่มีคุณภาพ แต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างนั้น ไม่มีราคากลางที่เป็นมาตรฐานชัดเจนสำหรับอุปกรณ์กีฬาแต่ละประเภท จึงทำให้เกิดช่องโหว่ดังกล่าว หากอุดช่องโหว่นี้ได้จะนำไปประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ด้านอื่น ๆ เช่น อิฐ หิน ปูน ทราย อุปกรณ์ก่อสร้าง ก็จะทำให้ทุกคนสบายใจขึ้น เพราะทุกคนได้แข่งขันกันในราคากลางมาตรฐานชัดเจนที่กำหนดไว้” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า การจัดซื้อจัดจ้างต้องตรวจสอบช่องโหว่ของระเบียบกฎหมายพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างปี 2560 โดยนำมาวิเคราะห์ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เนื่องจากผู้บริหารไม่สามารถเข้าไปดูทุกขั้นตอนได้ เพราะรูปแบบของ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างคือการกระจายอำนาจ เช่น หากงบประมาณเกิน 200 ล้าน จะมีรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นผู้พิจารณาอย่างละเอียด แต่หากงบประมาณน้อยก็จะกระจายให้หน่วยงานและพื้นที่พิจารณาเพื่อให้รวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้ รูปแบบ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ นี้ ใช้งานทั่วประเทศ ปัญหาจึงไม่ได้เกิดจากระบบที่วางไว้ แต่เกิดจากคนที่คิดจะทุจริตจึงหาโอกาสจากช่องว่างของกฎหมาย ต้องนำปัญหามาวิเคราะห์ในภาพรวมเพื่ออุดช่องโหว่ของกฎหมาย ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องคนต้องแต่งตั้งคนที่ดีขึ้นมาบริหารงาน การแก้ไขปัญหาระบบกับเรื่องคนจึงต้องเดินไปด้วยกัน
สำหรับเรื่องของการมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหน่วยงานราชการในการควบคุมดูแลของรองปลัดกรุงเทพมหานครวานนี้ (7 มิ.ย. 67) เพื่อให้มั่นใจว่าการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะมีความโปร่งใส ไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับพยานบุคคลและผู้ให้ข้อมูล โดยอาจจะมีการปรับเปลี่ยนคำสั่งฯ อื่นอีกในอนาคต ซึ่ง กทม.ต้องเร่งสร้างความไว้วางใจให้กับประชาชน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ และต้องไม่ปล่อยปละละเลยเมื่อมีคนแจ้งเหตุเข้ามา ต้องรีบดำเนินการทันที
ส่วนปัญหาเรื่องของรถขนส่งนักกีฬาของกองการกีฬาที่เป็นประเด็น นายชัชชาติ กล่าวว่า เป็นรถที่ใช้งานไม่บ่อย จึงต้องไปดูรายละเอียดการใช้งานต่อไป เบื้องต้นทราบว่าใช้งานมาตั้งแต่ปี 2561 จึงต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มค่าและความเหมาะสมต่อไป ซึ่ง กทม.มีรถราชการที่ใช้งานกว่า 10,000 คัน ต่อไปนี้ต้องใช้งานให้มีประสิทธิภาพ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสม โดยไม่ต้องจัดซื้อรถเพิ่มเติม