‘ชัชชาติ’ ชี้ ทีมนานาชาติ เริ่มถอนตัว ไม่กระทบภารกิจช่วยเหลือของกู้ภัยไทย
‘ชัชชาติ’ ชี้ ทีมนานาชาติ เริ่มถอนตัว ไม่กระทบภารกิจช่วยเหลือของกู้ภัยไทย เชื่อมั่น ทีมกู้ภัยไทยทำงานได้ พร้อม ระดมเครื่องจักรหนักสลับบุคลากรกู้ภัยเข้าทำงานเหมือน “รถถังกับทหารราบ” แจง เหตุไม่ไลฟ์สด ไม่ได้ท้อหมดกำลังใจ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า กลัวญาติคนติดดูแล้วหมดกำลังใจ
วันนี้ (4 เม.ย. 68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงมา ภายหลังจากที่วันนี้ไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ ว่า ภารกิจยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่ทางทีมนานาชาติบางส่วนจะถอนตัว เนื่องจากมีการกำหนดภารกิจมาแบบมีระยะเวลา ซึ่งอาจมีบางส่วนที่ยังอยู่ตามภารกิจที่จำเป็น
ส่วนเหตุผลที่ทีมนานาชาติหลักส่วนใหญ่จะต้องถอนตัวจากภารกิจ เนื่องจากต้องเดินทางไปช่วยภารกิจทั่วโลก เพราะเป็นการทำงานแบบเซอร์วิสในหลายประเทศ ซึ่งภารกิจหลักๆ เป็นภารกิจช่วยชีวิต ครั้งนี้ภารกิจอาคาร สตง. ถล่ม ซึ่งทีมนานาชาติก็ไม่ได้มองว่ายาก แต่มองว่ามีความซับซ้อนมาก แต่ทุกคนถูกฝึกมาให้ปฏิบัติภารกิจแบบเต็มที่ และการมาครั้งนี้เราได้เรียนรู้การปฎิบัติภารกิจร่วมกัน โดยก่อนการถอนภารกิจได้มีการมอบหมาย และทำแผนข้อมูลต่างๆ ให้กับทีมกู้ภัยของไทย
ส่วนการไม่มีทีมนานาชาติ จะทำให้ภารกิจยากขึ้นหรือไม่ นายชัชชาติ เผยว่า ภารกิจที่ยากเป็นแค่ช่วงแรก เพราะอยู่ในขั้นตอนการค้นหา เมื่อปรับโหมดเป็นการใช้เครื่องจักรหนัก เราค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญในแบบของเรา ไม่ถึงขั้นที่ว่าเราจะทำไม่ได้
ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ร่าง ที่เจ้าหน้าที่เจอ ตอนนี้ยังไม่ได้นำออกมา แต่ได้มีการเตรียมตัวไว้แล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการ ไม่ซึ่งไม่ได้อยู่ลึกมากแต่ติดอุปสรรคโครงสร้างมีแผ่นคอนกรีตทับอยู่
สำหรับกรณีที่พบเสียงขอความช่วยเหลือ นายชัชชาติ กล่าวว่า เรายังมีหวัง แต่ตอนนี้ที่สัญญาณเสียงหายไป ผู้สูญหายอาจอยู่ในภาวะอ่อนแอหรือสลบ แต่ส่วนตัวก็หวังว่าคนงานที่ติดจะมีกระติกน้ำหรืออุปกรณ์อะไรที่จะสามารถประทังชีวิตอยู่ได้ และเชื่อว่าน่าจะมีปาฏิหาริย์ ที่ผู้สูญหายอาจมีชีวิตรอดอยู่ได้นาน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ดังนั้นแต่ละช่วงเวลาการรื้อถอน และกู้ชีพจะต้องทำควบคู่กันไป
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ตลอดทั้งวัน เราเน้นการใช้เครื่องมือหนัก เพื่อดูว่ายังมีผู้สูญหายอยู่ในจุดไหน หากเจอสัญญาณ ทีมบุคลากรกู้ภัยก็จะเข้าตรวจสอบ ซึ่งเราจะทำงานเหมือนรถถังกับทหารราบ ทำแบบนี้สลับกันไป โดยจะต้องดูโซนลำดับความสำคัญว่าจุดไหนมีความเสี่ยงถล่มลงมาน้อยที่สุด และมีมีความหวังว่าจะเจอผู้สูญหายมากที่สุด ซึ่งเราก็จะเริ่มทำในจุดนั้นเป็นหลัก โดยเริ่มที่โซน A ทำให้ราบ และเริ่มเนินเข้าไปที่โซน B ซึ่งเป็นโซนที่ค่อนข้างเข้าได้ยาก และในส่วนของท่ออากาศมีความเป็นไปได้น้อยที่จะส่งเข้าไป เพราะมองว่ายังไม่มีความจำเป็น เนื่องจากในโพรงมีอากาศที่ไหลเวียนอยู่
ส่วนจุดที่เจอผู้สูญหาย อยู่ในส่วนโซน C และ D เนื่องจากเป็นจุดที่เชื่อมอาคารจอดรถได้ ผู้สูญหายจึงน่าจะหนีไปโซนดังกล่าวเยอะ โดยทั้งหมดทำควบคู่กันไป และฉีดน้ำเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น และเพื่อเพิ่มวิสัยทัศน์ในการทำงานให้ชัดเจน
นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงการปรับแผนใช้เครื่องจักรหนักว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยมีการเก็บหลักฐานควบคู่กันไป ซึ่งตอนนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บหลักฐานบางส่วน หากครบแล้วหรือเพียงพอจะเดินหน้าเครื่องจักรใหญ่ต่อไป ซึ่งหลักฐานในวันนี้จะเป็นเรื่องของตัวอย่างชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองต้องการ
ส่วนการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรหนักจะต้องมีการสังเกต จุดแต่ละจุดที่ลงเครื่องจักรหนัก ว่ามีผู้สูญหายอยู่บริเวณนั้นหรือไม่ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แม้จะเป็นร่างผู้สูญหายที่เสียชีวิตแล้ว ดังนั้นการใช้เครื่องมือหนักต้องมีความละเอียดอ่อน
ส่วนทีมจากประเทศญี่ปุ่นยังเดินทางมาไม่ถึง หากเดินทางมาถึงแล้วจะมาช่วยดูในขั้นตอนระยะกลาง และระยะยาว ในเรื่องของการติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์การตรวจสอบอาคาร แต่ไม่ได้มาที่ไซด์งานก่อสร้าง
ทั้งนี้ ในส่วนของญาติ กทม. ได้ประสานถึงทีมจิตแพทย์ เข้าพูดคุยให้คลายความกังวล ส่วนที่วานนี้ที่ตนไม่ได้ไลฟ์สด ยืนยันว่า ไม่ได้ท้อ แต่ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเลย จึงไม่ได้ไลฟ์สด และในทางกลับกัน หากญาติดูอยู่อาจทำให้หมดกำลังใจได้