เสียวหมี่ สร้างสถิติใหม่ ปี 67 รายรับแตะ 365.9 พันล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ตลาดอัลตร้าพรีเมียม
เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (Xiaomi Corporation) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยรายรับรวมของกลุ่มธุรกิจสูงถึง 365.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติใหม่สำหรับบริษัทในด้านผลประกอบการรายปี และยังมีรายรับในไตรมาสที่ 4 ที่เกิน 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งกำไรสุทธิที่ปรับแล้วเติบโตขึ้นถึง 41.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันการเติบโตนี้คือระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ซึ่งเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของเสียวหมี่เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่เสียวหมี่นำเสนอในตลาด โดยในปี 2567 รายรับจากสมาร์ทโฟนเติบโต 21.8% เป็น 191.8 พันล้านหยวน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการใหม่ๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยรายรับ 32.8 พันล้านหยวน
เสียวหมี่ยังคงยืนหยัดในฐานะผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน โดยมียอดจัดส่งรวม 168.5 ล้านเครื่องในปี 2567 เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทเป็นผู้ส่งเสริมการเติบโตในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน โดยยังคงรักษาตำแหน่งหนึ่งในสามของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำทั่วโลก และมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 13.8% ตามข้อมูลจาก Canalys
ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่น Xiaomi SU7 ที่เปิดตัวในปี 2567 ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างดี โดยมียอดการส่งมอบมากกว่า 136,000 คันในช่วง 9 เดือนหลังเปิดตัว และในไตรมาส 4 ของปี 2567 เสียวหมี่ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าครั้งใหญ่กว่า 69,000 คัน ทำให้ยอดขายและการเติบโตในตลาดนี้ทะลุเป้าหมายก่อนกำหนด โดยเสียวหมี่ตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 350,000 คันในปี 2568
ความสำเร็จในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะยังส่งผลให้เสียวหมี่สามารถขยายฐานลูกค้าผู้หญิงและผู้ใช้ Apple ได้อย่างมาก อีกทั้งยังเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม โดยในปี 2568 เสียวหมี่มีแผนเปิดตัว Xiaomi SU7 Ultra ซึ่งจะเป็นการบุกเบิกตลาดอัลตร้าพรีเมียมในวงการรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกระแสตอบรับที่ร้อนแรงจากการสั่งซื้อที่เกิน 10,000 คันภายใน 3 วันหลังเปิดตัว
ด้านธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะเสียวหมี่ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 รายรับจากผลิตภัณฑ์ IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพิ่มขึ้น 30% เป็น 104.1 พันล้านหยวน โดยเฉพาะการส่งมอบเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้าที่ทำสถิติใหม่ พร้อมสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2568 เสียวหมี่ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่น Mijia Central Air Conditioner Pro ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าพรีเมียม และท้าทายมาตรฐานใหม่ในตลาด
การขยายตัวในธุรกิจอินเทอร์เน็ตยังเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเสียวหมี่ โดยในปี 2567 เสียวหมี่มียอดรายรับจากบริการอินเทอร์เน็ต 34.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.3% จากปีก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นยังคงสูงที่ 76.6% และมีจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนทั่วโลกเกิน 700 ล้านรายเป็นครั้งแรก โดยมีการเติบโตในทุกตลาดทั้งในจีนและต่างประเทศ
การลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และการวิจัยและพัฒนายังคงเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเสียวหมี่ โดยในปี 2567 เสียวหมี่ได้เพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนา 25.9% เป็น 24.1 พันล้านหยวน และมีบุคลากรด้าน R&D มากถึง 21,190 คน โดยได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 42,000 ฉบับทั่วโลก รวมถึงสิทธิบัตรในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะกว่า 1,000 ฉบับ
เสียวหมี่ยังได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี HyperCore, HyperConnect และ HyperAI โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาและเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบนิเวศอัจฉริยะของเสียวหมี่ เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ล้ำสมัยแก่ผู้บริโภค
ในปี 2568 เสียวหมี่ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI และ R&D เพื่อขยายขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดระดับพรีเมียม และเตรียมตัวสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในอนาคตที่น่าตื่นเต้น