TECH

เดลล์ เผยคนยุค Gen Z เชื่อเทคโนโลยีสำคัญต่อการใช้ชีวิต และมีส่วนช่วยปรับปรุงสุขภาพ

นายอองกัส เฮอการ์ตี้ ประธานฝ่ายตลาดระหว่างประเทศ เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยผลวิจัย ‘Future-Proof’ ที่พบว่าคนยุคเจเนอเรชั่น Z หรือวัย 18-26 ปี ร้อยละ 47% ยินดีรับข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น การเติบโตของ GDP ที่ลดลง เพื่อให้ผู้ออกนโยบายได้ลงทุนในกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของเดลล์ เทคโนโลยีส์ ที่จัดทำโดยบริษัทวิจัยด้านการตลาด Savanta ComRes ช่วงเดือนกรกฏาคม ถึงสิงหาคมปี 2022 โดยครอบคลุม 15 พื้นที่ ฐานการศึกษาวิจัย ครอบคลุม คน Gen Z (อายุระหว่าง 18-26 ปี) จำนวน 15,105 คน ที่เป็นตัวแทนกลุ่มจากประเทศต่างๆ ระบุว่าคนยุคเจน Z ที่เป็นผู้ใหญ่ร้อยละ 64% มองกลยุทธ์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมนั้น พวกเขาเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยรับมือกับวิกฤตด้านสภาพอากาศและสุขภาพ ตลอดจนบทบาททางด้านการดำเนินชีวิต

นายอองกัส กล่าวว่า “คนยุค Gen Z จะสร้างผลกระทบอย่างมาก ต่อการตัดสินใจด้านการลงทุนในภาครัฐและเอกชนในปัจจุบัน และจะอำนวยความสะดวก รวมถึงช่วยดูแลการฟื้นฟูสู่ความยั่งยืนได้ในระยะยาว จึงนับเป็นโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนจาก Gen Z ในแง่กลยุทธ์ระยะยาวที่กำหนดให้ความยั่งยืน เป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์ ในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจ ความมั่นใจของคน Gen Z ที่ว่าการลงทุนเพื่อฟื้นฟูภาคประชาชน จะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟูได้ภายใน 10 ปี คิดเป็นร้อยละ 32% นอกจากนี้ผู้ที่มั่นใจน้อย หรือไม่มั่นใจเลยกับนโยบายการลงทุนดังกล่าว คิดเป็นร้อยละ 38% ส่วนผู้ที่ยังไม่แน่ใจคิดเป็นร้อยละ 29% ทั้งนี้ความเห็นของคนวัยนี้ จะมีความเชื่อมั่นในนโยบายดังกล่าว แตกต่างกันไปตามพื้นที่ โดยสิงคโปร์เชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 56% และเกาหลีร้อยละ 41% ที่สำคัญมีผู้ตอบแบบสอบถาม ว่ามั่นใจสูงหรือมั่นใจเต็มร้อยมากที่สุด ในขณะที่กลุ่มประเทศผู้ตอบว่าไม่ค่อยมั่นใจ หรือไม่มั่นใจเลยมากที่สุดคือ ญี่ปุ่น ร้อยละ47% ตามด้วยบราซิลร้อยละ 49%”

ทั้งนี้ผู้ตอบรับการสำรวจเผยว่า อนาคตดิจิทัลต้องมีโครงสร้างหลัก ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง กว่าครึ่งคิดเป็นร้อยละ 56% เพราะรู้สึกว่าต้องมีกฏหมายที่เข้มงวด และมีการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น เพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และเพื่อให้มั่นใจว่าภาคเอกชนจะปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวด การจะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นในภาครัฐบาลมากขึ้นนั้น และร้อยละ 38% ของผู้ตอบคำถาม อยากให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันและรับผิดชอบเรื่องนี้ไปด้วยกัน

ที่สำคัญคนยุค Gen Z เข้าใจดีถึงคุณค่าของการพัฒนาทักษะทางดิจิทัล ที่จำเป็นสำหรับอาชีพในอนาคต โดยร้อยละ 76% มองว่าการเรียนรู้ทักษะใหม่ด้านดิจิทัล เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับการเพิ่มทางเลือกด้านสายอาชีพในอนาคต หรือการวางแผนเพื่อให้มีทักษะใหม่ดังกล่าว และผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่า การศึกษาจะช่วยเตรียมความพร้อม ด้านทักษะดิจิทัลได้ดีขึ้น ร้อยละ44% และร้อยละ 12% ยังบอกว่าในโรงเรียน สอนแค่ทักษะพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์ และกลุ่มผู้ที่ไม่ได้มีความรู้ด้านเทคโนโลยี หรือทักษะทางดิจิทัล คิดเป็นร้อยละ37% และผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 34% เสนอให้มีการพัฒนาหลักสูตรด้านเทคโนโลยี สำหรับการศึกษาในทุกระดับ ให้น่าสนใจยิ่งขึ้นและครอบคลุมวงกว้างมากขึ้น ส่วนร้อยละ 26% เชื่อว่าหลักสูตรด้านเทคโนโลยี ที่เป็นภาคบังคับจนถึงอายุ 16 ปีจะช่วยส่งเสริมให้เยาวชน ก้าวสู่สายอาชีพที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

“เห็นได้ชัดเจนว่าคนยุค Gen Z มองว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรา ที่เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำ หน่วยงานรัฐบาล และภาคประชาชน ที่จะต้องทำงานร่วมกันและเตรียมพร้อม ให้คนเหล่านี้ก้าวสู่ความสำเร็จ ด้วยการปรับปรุงคุณภาพ และการเข้าถึงการเรียนรู้ด้านดิจิทัล 44% เพราะคนยุค Gen Z รู้สึกว่าทั้งผู้ให้ความรู้ และหน่วยงานธุรกิจควรทำงานร่วมกัน เพื่อลดช่องว่างด้านทักษะทางดิจิทัล และในระดับความเร็วที่เทคโนโลยี ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ต้องอาศัยความร่วมมือที่ต่อเนื่องเช่นกัน การตอบสนองมุมมองในเรื่องที่ภาครัฐ ควรให้ความสำคัญกับการลงทุน เพื่อไม่ให้มีการแบ่งแยกทางดิจิทัลในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในกลุ่มประชากรที่แตกต่าง รวมถึงกลุ่มทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งคน Gen Z มองว่าการเข้าถึงอุปกรณ์ และความสามารถด้านการเชื่อมต่อ ของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส คิดเป็นร้อยละ33% และการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทคิดเป็นร้อยละ 24 เป็นสิ่งที่ต้องมุ่งเน้นให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

ทั้งนี้การศึกษาวิจัยยังพบประเด็นที่สำคัญคือ เทคโนโลยีมีส่วนรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงบริการด้านสุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 21% และยังการลงทุนด้านเทคโนโลยี ยังก่อให้เกิดความรู้ เพื่อช่วยปิดช่องว่างด้านทักษะ ได้ร้อยละ11% และเทคโนโลยียังช่วยให้ การลงทุนระบบโครงสร้าง ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม/ที่ยั่งยืนคิดเป็นร้อยละ 11% ซึ่งเป็นมุมมองของคนยุค Gen Z ทั่วโลก และคนยุค Gen Z มีความมั่นใจน้อยถึงปานกลาง ว่าผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพจะเก็บข้อมูลส่วนตัวของตน ได้สอดคล้องตามกฏระเบียบ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57%

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat