ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ ที่ปรึกษากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่หลายชุมชน พบว่า สถานการณ์เด็กเปราะบางและเด็กนอกระบบ อยู่ในภาวะเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาสูงมาก สิ่งที่ค้นพบจากการคุยกับครอบครัวและตัวเด็กนั้น พวกเขาซึมซับสถานการณ์รุนแรงโควิด-19 แบบเงียบๆ เขาไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร ในภาวะที่รับรู้ข่าวสาร หรือได้รับผลกระทบจากพ่อแม่ที่ตกงาน การไม่มีรายได้ บางวันไม่รู้จะกินอะไร ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหน จะเปิดเทอมแล้วจะจัดการชีวิตภายในครอบครัวกันอย่างไร เป็นสภาพย่ำแย่ที่สุดในด้านสุขภาพจิตและเด็กเครียดกดดัน จิตใจกระทบกระเทือนมาก นอกจากเราได้มาแจกถุงยังชีพแล้ว เหมือนได้มารับฟัง เยียวยาปัญหาของเขา
“กสศ. ทำงานด้วยการเชื่อมโยงหน่วยงานอื่นๆ พบคนที่ลงไปหากลุ่มเป้าหมายเจอนั้นคือ เอ็นจีโอ ภาคเอกชน สภาเด็ก นักวิชาการ บอกได้ว่าเด็กกลุ่มเสี่ยงอยู่ตรงไหน กลุ่มเด็กเปราะบางซ่อนอยู่ในชุมชน ติดอยู่กับรางรถไฟ มองไม่เห็นจากถนน จากบนทางด่วน เขาแทบไม่มีตัวตนในสังคมปกติ เราแทบจะไม่เห็นเขา พอ กสศ.ได้เจอกับกลุ่มคนที่ทำงานในพื้นที่ เขาสามารถพาไปหากลุ่มเป้าหมายได้ นอกจากนี้ กสศ.จะเริ่มทำคือโครงการพัฒนารูปแบบเด็กนอกระบบ กับครูนอกระบบ เป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งเล็งเป้าหมายไว้ว่า เด็กนอกระบบจะมีประมาณ 35,000 คน และครู1,000 คน ซึ่งครูในความหมายของเราไม่ใช่ครูในโรงเรียน แต่เป็นครูนอกระบบที่ทำงานกับชุมชน เป็นเอ็นจีโอก็ได้ เป็นสภาเด็กก็ได้ หรือเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหว” ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ กล่าว