ด้านนายณัฏฐพล ภวไพบูลย์ หรือ เชฟนิค สมาชิกมูลนิธิเชฟแคร์ส และเจ้าของร้านอาหารวังหิ่งห้อยกล่าวว่าในฐานะเจ้าของร้านอาหารที่จะเข้ามาสอนน้องๆด้วย สิ่งสำคัญที่ตั้งใจจะถ่ายทอด นอกเหนือจากเทคนิคพิเศษในการทำอาหารแล้ว คือการส่งเสริมให้พวกเขามีทัศนคติเป็นบวก (Positive thinking)
“ผมตั้งใจจะเปิดโอกาสให้เด็กๆได้พิสูจน์ตนเองอีกครั้ง เชื่อว่าภายหลังการบ่มเพาะผ่านโครงการสานฝันปั้นเชฟ น้องๆเหล่านี้ที่มีประสบการณ์อย่างหนักในชีวิต จะมีความคิดเชิงบวกต่อตนเองและสังคม” เชฟนิคกล่าว
นางสาวดวงพร อุกฤษณ์ ผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กล่าวว่า “ยังไม่เคยเห็นโครงการทุนการศึกษาใดที่มีความสมบูรณ์แบบเท่ากับโครงการนี้ ที่จะให้ทั้งความรู้ และความเข้าใจต่อเยาวชน ที่ต้องการ “โอกาส” ในการกลับคืนสู่สังคม ขอขอบคุณมูลนิธิเชฟแคร์สเป็นอย่างมากที่หยิบยื่นโอกาสที่มีค่ายิ่งนี้ให้น้องๆอย่างเต็มที่ หากน้องคนไหนมีความสามารถ มีความประพฤติดี ก็มีโอกาสที่จะร้องต่อศาลเพื่อให้ปล่อยตัวออกไปใช้ชีวิตในสังคมก่อนครบกำหนดโทษได้”
ทั้งนี้ โครงการสานฝันปั้นเชฟ เกิดขึ้นตามเจตนารมณ์ของมูลนิธิเชฟแคร์ส เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้วิธีการประกอบอาหารทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ตลอดจนได้ฝึกงานจริงกับเชฟมืออาชีพที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าของประเทศ ควบคู่การพัฒนาศักยภาพของตนเองภายใต้การดูแลของนักจิตวิทยา รวมถึงมีโอกาสได้ประกอบอาชีพเชฟตามความฝันของตน
หลักสูตรดังกล่าว มีระยะเวลาศึกษา 5 เดือน แบ่งเป็นการเรียนรู้ในภาคทฤษฎีกับปฏิบัติ เป็นเวลา 2 เดือน และฝึกประสบการณ์วิชาชีพยังร้านอาหารของเชฟระดับแถวหน้าของเมืองไทย (Top Chef ) อีก 3 เดือน
สำหรับเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการนี้เป็นน้องๆ จากสถานพินิจ 6 คนและเป็นเด็กด้อยโอกาสจากพื้นที่ห่างไกล เช่น ชาวเขา ที่ผ่านการคัดเลือกจากศูนย์วิจัยการจัดการความรู้การสื่อสารเพื่อการพัฒนา ( CCDKM) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อีก 6 คน รวมเป็น 12 คน ทุกคนล้วนมีความชื่นชอบในการทำอาหาร และใฝ่ฝันอยากเป็นเชฟมืออาชีพ