เปิดวิสัยทัศน์ CEO AIS นำเทคโนโลยี 5G เสริมทัพแพทย์ ร่วมแก้วิกฤติ COVID-19 เพื่อคนไทย
ในเวลาที่วิกฤตเช่นนี้ การระดมสรรพกำลัง และความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมนำพาประเทศไทย และคนไทยผ่านพ้นวิกฤตไปได้ เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการไม่ปล่อยให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุด และเป็นทัพหน้าของการต่อสู้ในครั้งนี้สู้อย่างเดียวดาย และร่วมเสริมกำลัง ปกป้อง และติดอาวุธให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เอไอเอส เป็นอีกหนึ่งองค์กร ที่ทุ่มสรรพกำลัง ทั้งเครือข่าย เทคโนโลยี 5G และพลังคนเอไอเอสในการร่วมนำพาคนไทยฝ่าวิกฤติครั้งนี้ และเสริมแกร่งให้กับนักรบเสื้อกาวน์ของไทย ด้วยงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท!
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ประกาศวิสัยทัศน์ ผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์เพื่อคนไทย นำ 5G ที่โดดเด่นทั้งในแง่ ความเร็ว (Speed) การตอบสนองต่อการสั่งงานที่รวดเร็ว มีความหน่วง (Latency) ต่ำ และความพร้อมในการรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ที่หลากหลาย (IoT Connectivity) สนับสนุนบริการทางการแพทย์ และงานสาธารณสุข เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแก้ปัญหา พาประเทศก้าวพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้
โดยแบ่งการดำเนินการเพื่อสนับสนุนคนไทยกู้ภัยโควิด-19 เป็น 3 ภารกิจหลัก ได้แก่
1. ติดตั้งเครือข่าย 5G ใน 20 รพ. ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 และกำลังขยาย ให้ครอบคลุมพื้นที่ รพ. ในกทม.และปริมณฑลอีก 130 รพ. และในต่างจังหวัดอีก 8 รพ. รวมทั้งสิ้น 158 รพ. ภายในเดือนเมษายน 2563 เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเทคโนโลยี และโซลูชันทางการแพทย์ ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการตอบสนองที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพร้อมสนับสนุนระบบสื่อสารอื่นๆ ทั้ง AIS FIBRE, 4G, AIS Super WiFi และสมาร์ทดีไวซ์ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการของ รพ.
2. ผลักดันนวัตกรรมการแพทย์ในช่วงการระบาด COVID-19 ตั้งศูนย์เฉพาะกิจ AIS Robotic Lab ระดมนักวิจัยนักพัฒนาที่เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine และโซลูชันงานบริการทางแพทย์ โดยทำงานร่วมกับ รพ. เพื่อให้สอดรับกับความต้องการเฉพาะของแต่ละ รพ. พร้อมเปิดกว้างในการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับคนไทยทุกภาคส่วน
3. พัฒนาหุ่นยนต์ทางการแพทย์ 5G Telemedicine เวอร์ชั่นใหม่ ROBOT FOR CARE จำนวน 21 ตัว โดย AIS Robotic Lab ทยอยส่งมอบให้กับรพ. 20 แห่ง ที่รับตรวจและรักษาผู้ป่วย COVID-19 เพื่อให้หุ่นยนต์ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหมอพยาบาล ตรวจคัดกรองคนไข้ ด้วยระบบอัจฉริยะ Thermoscan, ระบบปรึกษาทางไกลระหว่างคนไข้และหมอผ่าน VDO CALL โดยที่หมอกับคนไข้ไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน หรือสัมผัสใกล้กัน โดยสามารถบังคับหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ผ่าน 5G ช่วยแบ่งเบาภาระ ลดการแออัด และลดเสี่ยงติดเชื้อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแทพย์ โดยโรงพยาบาลทั้ง 20 แห่ง ได้แก่ รพ. จุฬาลงกรณ์ รพ. ราชวิถี รพ. ศิริราช รพ. รามาธิบดี รพ. วิชัยยุทธรพ. ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ รพ. แพทย์รังสิต รพ. พญาไท 1 รพ. พญาไท 2 รพ. พญาไท 3 รพ. พญาไทนวมินทร์ รพ. กรุงเทพคริสเตียน รพ. พระราม 9 รพ. เปาโลเมโมเรียลพหลโยธิน (สะพานควาย) รพ. เปาโลเมโมเรียลโชคชัย 4 รพ. เปาโลเมโมเรียลสมุทรปราการ รพ. เปาโลเมโมเรียลรังสิต รพ. เปาโลเมโมเรียลเกษตร กรมแพทย์ทหารเรือ และสถาบันบำราศนราดูร
“วิกฤติในครั้งนี้ ทุกคนมีส่วนร่วมในการนำประเทศชาติ ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปพร้อมกันได้ ผมเชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใด เราต่างก็มีหัวใจเดียวกันที่พร้อมจะช่วยเหลือและประคับประคองให้บ้านเมืองเรา สามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ สำหรับเอไอเอสในฐานะภาคเอกชนซึ่งมีหน้าที่หลักในการดูแล “Digital Infrastructure” ที่ถือเป็นแพลตฟอร์มหัวใจสำคัญของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนทำงานที่กำลังทำงานอยู่ที่บ้าน Working from home, นักเรียน นักศึกษา Learning from Home และสำคัญสุดคือ งานบริการสาธารณสุขและสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ต้องรองรับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรา ล้วนแล้วแต่ใช้ Digital Infrastructure เป็นสื่อกลางทั้งสิ้น
ผมเน้นย้ำเสมอว่า หน้าที่ของชาวเอไอเอสทุกคนที่คิดอยู่ในทุกลมหายใจ คือจะต้องรักษาเครือข่ายและบริการของเราอย่างดีที่สุด บริการของเราต้องต่อเนื่องด้วยคุณภาพมาตรฐานของเอไอเอสเช่นเดิม ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เรายังคงยืนหยัดและตั้งมั่นในฐานะ Digital life service provider for Thais เช่นเดิม ว่าเราจะทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด และพร้อมนำศักยภาพและขีดความสามารถต่างๆ ที่เรามีร่วมสนับสนุนภารกิจของประเทศให้ก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้” นายสมชัย กล่าว
ทั้งนี้ เอไอเอสยังมีโครงการอื่นๆ เพื่อเพิ่มความ “อุ่นใจ”ให้กับลูกค้า พนักงาน คู่ค้า และคนไทยทุกคน จนได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 3 แบรนด์ชั้นนำที่รับมือโควิด-19 ได้ดีที่สุดในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับจาก Isentia ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลระดับเอเชียแปซิฟิก อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
