สธ.เผย ผู้เสียชีวิตจากโควิด ยังเป็นกลุ่ม 608 พบติดเชื้อจากครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์

สธ.เผย ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังเป็นกลุ่ม 608 พบติดเชื้อจากครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ แนะบุตรหลานพาผู้สูงอายุที่มี 7 โรครื้อรัง รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปี
วันนี้ (29 พ.ค. 66) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล จำนวน 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย และมีผู้เสียชีวิตวันละ 6 ราย พร้อมกันนี้ย้ำให้ลูกหลาน พามารับวัคซีนโควิด-19 ประจำปี ทั้งนี้พบกทม.และปริมณฑล มีการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่น
พร้อมกำชับให้กรมควบคุมโรค เร่งประสานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.เร่งรัดการฉีดวัคซีน ขณะที่ “ไข้เลือดออก” เริ่มพบมากขึ้น อาการเริ่มต้นคล้ายโรคติดต่อทางเดินหายใจหลายโรค ทำให้วินิจฉัยยาก ย้ำทุกจังหวัดเร่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย บุคลากรการแพย์พบผู้ป่วย ให้คิดถึงโรคไข้เลือดออก
นพ.โอภาส กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดเป็นไปตามคาดการณ์ คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือ เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัว ที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
“การฉีดวัคซีน ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ ขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา และหากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ”
“ขณะนี้ในเขต กทม.และปริมณฑล พบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น จึงให้กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยินดีสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ ทั้งนี้จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถ ในการแพร่ระบาดและความรุนแรง ไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศ และกทม.ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน”
“กรมควบคุมโรคได้รายงาน สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่ต้นปี 2566 พบผู้ป่วยจำนวน 16,650 ราย เสียชีวิต 17 ราย คาดว่าเดือนหน้าจะมีผู้ป่วยเพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากการสำรวจลูกน้ำยุงลาย ที่เป็นพาหะนำโรคตามบ้านเรือนประชาชน และสถานที่ต่างๆ พบว่าบางแห่งดัชนีลูกน้ำยุงลายสูงกว่า 50% เช่น โรงเรียน วัด สถานที่ราชการ และโรงงาน ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับเรื่องการสำรวจและเร่งกำจัด แหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายต่อไป ทั้งนี้อาการของโรคไข้เลือดออกในช่วงแรก จะคล้ายคลึงกับโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ทำให้วินิจฉัยได้ยาก ได้กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์ ตระหนักและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ป่วยหากมีอาการไข้ สงสัยโรคไข้เลือดออก ขอให้ปรึกษาแพทย์”