สหรัฐฯ วิจัยพบวัคซีนโควิด-19 ชนิด ‘mRNA’ ลดผู้ป่วยสูงอายุในโรงพยาบาล
วอชิงตัน – ผลการศึกษาฉบับใหม่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐฯ ระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) จำนวน 2 ตัว ซึ่งพัฒนาโดยไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) และโมเดอร์นา (Moderna) ที่ได้รับอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐฯ สามารถป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องด้วยโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปได้
ผลการศึกษาที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (28 เม.ย. 64) ระบุว่าร้อยละ 94 ของกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส มีแนวโน้มถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 น้อยกว่าคนในช่วงอายุเดียวกันที่ไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่ร้อยละ 64 ของผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโดสเดียว มีแนวโน้มถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าคนในช่วงอายุเดียวกันที่ไม่ได้รับวัคซีน
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ นิยามว่า “ได้รับวัคซีนบางส่วน” หมายถึงการได้รับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอโดสแรกครบ 2 สัปดาห์ และ “ได้รับวัคซีนครบ” หมายถึงการได้รับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอโดสที่ 2 ครบ 2 สัปดาห์
การประเมินดังกล่าวพิจารณาข้อมูลการรักษาตัวในสองเครือข่ายโรงพยาบาลของสหรัฐฯ ซึ่งครอบคลุมโรงพยาบาล 24 แห่ง ใน 14 รัฐ โดยมีผู้เข้าร่วม 417 ราย
ศูนย์ฯ ระบุว่านี่เป็นการค้นพบอย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรกในสหรัฐฯ ที่ยืนยันข้อมูลการทดลองทางคลินิกว่าวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอสามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 ได้
โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการ CDC กล่าวว่า “การค้นพบเหล่านี้เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับประชาชนอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส”
“ผลการศึกษาดังกล่าวดูมีความหวังสำหรับชุมชนและโรงพยาบาล เมื่อความพยายามฉีดวัคซีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะไม่มาใช้บริการระบบดูแลสุขภาพจนเกินการรองรับ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เตียง และบริการต่างๆ สามารถเข้าถึงได้โดยประชาชนที่ต้องการมันเพื่อรักษาโรคทางการแพทย์อื่นๆ” วาเลนสกีระบุ
ที่มา: สำนักข่าวซินหัว