PUBLIC HEALTH

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย ไทยยังไม่พบเชื้อฝีดาษวานรสายพันธุ์ที่ระบาดในทวีปแอฟริกา

ชี้ สายพันธุ์ย่อย C.1 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากในไทย มีอัตราการเสียชีวิตต่ำในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ร่วมกับห้องปฏิบัติการใน 24 จังหวัด เตรียมพร้อมรับมือหากเกิดการระบาด

วันนี้ (19 ส.ค. 67) นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับกรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์สายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทยด้วยการสุ่มตรวจห้องปฏิบัติการมาโดยตลอด ล่าสุดการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม 191 ราย ผลการวิเคราะห์แบ่งเป็น 8 สายพันธุ์ย่อย คือ A.2, A.2.1, B.1, B.1.12, B.1.3, B.1.7, C.1 และ C.1.1 พบสายพันธุ์ย่อย C.1 มากที่สุด คิดเป็น 85.34% รองลงมา A.2.1 คิดเป็น 5.76% C.1.1 คิดเป็น 3.66% และ A.2 คิดเป็น 2.09%

นอกจากนี้ยังพบว่า สายพันธุ์ย่อย C.1 เป็นสายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่ในประเทศไทย แตกต่างจากช่วงแรกของสถานการณ์ระบาดที่เป็นสายพันธุ์ย่อย A.2 บ่งชี้ถึงการวิวัฒนาการของไวรัสที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการสะสมของการกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้น เพื่อปรับตัวตลอดเวลา

สายพันธุ์ย่อย C.1 ถือว่ามีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เคลดวัน (Clade I) ที่มีการระบาดอยู่ในทวีปแอฟริกา โดย Clade I มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 10% ขณะที่ Clade II ทั้ง Clade IIa และ Clade IIb รวมถึง C.1 ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าเพียง 1% โดยทั่วไป Clade II รวมถึง C.1 มีลักษณะการแพร่เชื้อที่ไม่รุนแรง และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ ปัจจุบันได้จำแนกไวรัสฝีดาษวานรออกเป็น 3 สายพันธุ์หลัก คือ Clade I, Clade IIa และ Clade IIb

นายแพทย์ยงยศ กล่าวต่อว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมทั้งห้องปฏิบัติการเครือข่าย 62 แห่ง เตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจเชื้อฝีดาษวานรครอบคลุมพื้นที่ 24 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น ชลบุรี เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พิษณุโลก ภูเก็ต ราชบุรี ลำปาง สงขลา สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และอุบลราชธานี สามารถรายงานผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง

“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบแนวโน้มการระบาด การกลายพันธุ์ และการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ ซึ่งจะช่วยให้กำหนดมาตรการควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์ อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการที่มีความเข้มแข็ง การตรวจหาอย่างรวดเร็ว และการหาลำดับจีโนมที่พร้อมใช้งานอย่างกว้างขวาง จะช่วยสนับสนุนการตรวจจับสายพันธุ์เคลดวัน Clade I ที่อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคได้” นายแพทย์ยงยศ กล่าว

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat