PUBLIC HEALTH

อดีตที่ปรึกษา WHO ร่วมกับ 40 องค์กรเครือข่าย คัดค้านการออกประกาศเลื่อนติดตั้งเบรค ABS-CBS ในมอเตอร์ไซค์

พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ หัวหน้าโครงการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ผู้ใช้จักรยานยนต์ปลอดภัย อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภค และ 40 องค์กรเครือข่าย ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ยับยั้งการออกประกาศใหม่ เรื่องกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ สมรรถนะ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับรองแบบระบบห้ามล้อสำหรับรถจักรยานยนต์ (ฉบับที่ 2) ที่โครงการและเครือข่ายพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินงานและความสำเร็จของงานความปลอดภัยทางถนนของกระทรวงคมนาคม

พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า จักรยานยนต์ เป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากเพราะผู้ใช้มีโอกาสบาดเจ็บรุนแรงและตายอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่ทดสอบระบบเบรก ABS และ CBS และมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกออกประกาศ เรื่องกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ สมรรถนะ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับรองแบบระบบห้ามล้อสำหรับรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่ พ.ศ.2564 ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยเรื่องเบรก ABS ของรถจักรยานยนต์ ในกลุ่มประเทศ ASEAN

อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้กรมการขนส่งทางบกได้เสนอร่างประกาศดังกล่าว ฉบับที่ 2 โดยยกเลิกความในข้อ 26 ของประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ สมรรถนะ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองแบบระบบห้ามล้อสำหรับรถจักรยานยนต์ พ.ศ.2564 โดยให้เลื่อนการติดตั้งระบบห้ามล้อ ABS ที่เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยสำคัญของจักรยานยนต์รุ่น 125 ซีซีและต่ำกว่าออกไปอีก 2 ปี ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการดำเนินงานและความสำเร็จของงานความปลอดภัยทางถนนของกระทรวงคมนาคม ถึง 4 ประเด็นหลัก คือ

1.ร่างประกาศคลุมเครือ ไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติว่าการเลื่อนออกไป 2 ปี เป็นเฉพาะ CBS หรือรวม ABS ด้วย

2.เป็นการเยียวยาอุตสาหกรรมจักรยานยนต์ที่แลกกับความปลอดภัยของผู้บริโภคที่จะซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในปี 2567-2568 ซึ่งจะมีประมาณ 1.6 ล้านคัน ต้องใช้จักรยานยนต์ที่มีความปลอดภัยต่ำบนถนนต่อไปอีก 5-10 ปี ตามอายุการใช้งานจักรยานยนต์ทั้งที่ CBS และ ABS สามารถลดอุบัติเหตุจักรยานยนต์ได้ 20-40%

3.ประกาศดังกล่าวมีลักษณะสนับสนุนอุตสาหกรรมจักรยานยนต์บางส่วนที่ละเลยการพัฒนาเทคโนโลยีเบรกรถจักรยานยนต์ทั้งที่เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของผู้ผลิตกับกระทรวงคมนาคม

4.ร่างประกาศฉบับ 2 ไม่เอื้ออำนวยต่อนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจราจร ซึ่ง 80% ของการเสียชีวิต เป็นผู้ใช้จักรยานยนต์ การบังคับใช้ตามประกาศเดิมในจักรยานยนต์ 125 ซีซี และต่ำกว่าทั้งหมดใน พ.ศ.2567 จะลดการบาดเจ็บและตายได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะจักรยานยนต์กลุ่มนี้ คิดเป็น 80% ของรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนในแต่ละปี

พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า การตายของผู้ใช้จักรยานยนต์รุ่นครอบครัวหรือ 125 ซีซี และต่ำกว่า คิดเป็นสัดส่วน 88% ของการตายจากจักรยานยนต์ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ โครงการฯ และสภาองค์กรของผู้บริโภค จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณายับยั้งการออกประกาศดังกล่าว เพื่อมิให้เกิดผลเสียต่อทางราชการและความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้ถนน

Related Posts

Send this to a friend