‘อนุทิน’ ชี้ ฟาวิพิราเวียร์ -โมลนูพิราเวียร์ เป็นสวัสดิการรัฐ ห้ามโรงพยาบาลขาย
‘อนุทิน’ ชี้ ฟาวิพิราเวียร์ -โมลนูพิราเวียร์ เป็นสวัสดิการรัฐ ห้ามโรงพยาบาลขาย ชี้ องค์การเภสัชฯ ผลิตได้เอง
วันนี้ (11 ก.ค. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวตอบคำถามถึงการที่โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งจำหน่ายแพคเกจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยมียา อาทิ ฟาวิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ อยู่ร่วมแพคเกจ ว่ายา 2 ตัวนี้ เป็นยาที่รัฐบาลสนับสนุน เพื่อบริการผู้ป่วยตามสิทธิ์การรักษา ถือว่าเป็นสวัสดิการ จะนำมาจำหน่ายไม่ได้ แต่ที่ปรากฏในแพคเกจการขาย เข้าใจว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นมา น่าจะเป็นการให้บริการส่วนอื่น ไม่เกี่ยวกับยา
กรณีเช่นนี้มีอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ทำได้หรือไม่ หรือกรอบไหนทำไม่ได้ ก็จะมีการตรวจสอบให้ชัดเจน ทั้งนี้ โรงพยาบาลมีสิทธิ์ในการขายความสะดวก สบาย แต่ถ้าหาก ประชาชนมีข้อสงสัย ให้ติดต่อเข้ามาสอบถามที่ สบส.ได้
เมื่อถามถึงจำนวนยาทั้ง 2 ตัว ว่ามีเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เพียงพอ เพราะยาทั้ง 2 ชนิดนี้ องค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตได้เอง แต่ที่ผู้ป่วยบางรายได้ใช้ บางรายไม่ได้ใช้ บางรายได้ใช้ยาฟ้าทะลายโจร เนื่องจากเป็นไปตามหลักเกณฑ์การรักษา ซึ่งมีข้อกำหนดชัดเจน พิจารณาโดยแพทย์ ไม่ใช่ว่า ไม่มียาตัวนี้ เลยเอาอีกตัวมาแทน อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การรับวัคซีน เพราะถ้าได้รับวัคซีน 3 เข็มขึ้นไปแล้ว จะช่วยลดความรุนแรงของโรค ช่วยป้องกันการเสียชีวิต
ขอย้ำว่า เราพยายามอำนวยความสะดวกเรื่องวัคซีนอย่างเต็มที่ กลุ่ม 608 ต้องให้คนใกล้ชิด รีบนำมาฉีด จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลใจ ต่อจำนวนผู้ป่วยที่สูงขึ้น นายอนุทิน ตอบว่า เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เมื่อเปิดให้กิจกรรมต่างๆ ดำเนินไปได้ ให้เศรษฐกิจเดินหน้า มีการรวมกลุ่มของประชาชน โอกาสติดเชื้อต้องเพิ่มขึ้น แต่ที่ต้องระวังคือ จำนวนผู้ป่วยหนัก จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งจากการรายงานเข้ามา เรายู่ในจุดที่รับมือได้ เพราะประชาชน ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ต้องขอบคุณความใส่ใจสุขภาพของคนไทย
“ปีนี้ไม่ซีเรียสเหมือนปีที่แล้ว เพราะทุกคนได้รับวัคซีน หากรับอย่างน้อย 3 เข็มขึ้นไป ก็จะลดอาการรุนแรงเสียชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องเน้นย้ำ ส่วนการติดเชื้อเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เพราะเราเปิดประเทศ มีการเดินทาง แต่หากประชาชนยังตระหนัก สวมหน้ากากอยู่ การเดินทางสัญจรไปมาก็ไม่น่าก่อให้เกิดปัญหาที่กระทบสาธารณสุข การติดเชื้อ ถ้ามีปาร์ตี้ เปิดผับบาร์ สังสรรค์รวมกลุ่มคนมากมาย มีดนตรี มีหนังกลางแปลง หากมีความระมัดระวังก็จะควบคุมสถานการณ์ได้ เราเน้นที่ไม่ให้เกิดอาการรุนแรงมาก เพราะมีความสำคัญมาก”