KNOWLEDGE

‘ระบบ iSEE 2.0 ของกสศ.’ ช่วยสภาเจาะลึกปัญหาเหลื่อมล้ำ

ชวน หลีกภัย ห่วงโควิด-19 ทำเด็กยากจนเพิ่มขึ้น เสี่ยงหลุดออกจากระบบ ระบุสภาจะช่วยขับเคลื่อนวาระสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา  หนุนโครงการ กสศ. ที่ช่วยเหลือดูแลเด็กยากจน ย้ำเรื่องโอกาสทางการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะตัวเองก็เคยได้รับโอกาสเช่นกัน

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานเปิดนิทรรศการ “ระบบ isee 2.0 : Edtech เพื่อพัฒนานโยบายสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา” โดยมีนายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดร.ไกรยส  ภัทรวาท รองผู้จัดการ กสศ. กล่าวรายงานความคืบหน้าและสรุปสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของกสศ.

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่องโอกาสทางการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เด็กไทยควรได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจึงเป็นภารกิจเร่งด่วน โดยเฉพาะในวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกับครอบครัวของเด็กและเยาวชนที่ยากจนด้อยโอกาสกว่า 1,800,000 คน

ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า โอกาสทางการศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะช่วยพัฒนาตัวเอง เพื่อคนเหล่านั้นจะเป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองต่อไป โครงการของ กสศ. จึงเป็นโครงการที่ควรได้รับการสนับสนุน เพราะลงไปดูแล มอบโอกาสให้กับเด็กๆ อย่างที่ตนเองเคยได้รับโอกาสมา

ผมก็เด็กต่างจังหวัด ได้มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพื่อนๆ รุ่นเดียวกันเรียนเก่งกว่าผม แต่ที่สุดเขาก็ออกมารับจ้างกรีดยาง ล้างยาง เพราะไม่มีโอกาสได้เรียน

“ระบบ iSEE จะช่วยให้สภาผู้แทนราษฎร ขับเคลื่อนวาระการสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาด้วยพลังของข้อมูล ลดช่องว่างระหว่างรัฐสภาและประชาชนในพื้นที่ สนับสนุนการทำงานของสมาชิก โดยเฉพาะในภารกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น การมองเห็นข้อมูลนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษในพื้นที่ ตั้งแต่ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ในจำนวนนี้สามารถระบุมิติปัญหาต่างๆ อาทิ ความพิการ ทุพโภชนาการ การติดตามอัตราการมาเรียน ความเสี่ยงหลุดออกนอกระบบการศึกษา ข้อมูลเหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นเสียงสะท้อนวางแผนและผลักดันนโยบายที่ช่วยแก้ไขปัญหาความเหลื่มล้ำทางการศึกษา ทั้งในระบบพื้นที่และระดับประเทศ” ชวน กล่าวทิ้งท้าย

นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกสศ. กล่าวว่า สำหรับนิทรรศการครั้งนี้ ทางกสศ.จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. – 3 ก.ย. เพื่อเชิญชวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ได้เห็นวิธีการทำงานของกสศ. และได้รู้จักเทคโนโลยีสมัยใหม่ “ระบบ iSEE 2.0” หรือ ระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ใช้ค้นหาเด็กนักเรียนยากจนว่าอยู่ที่ใดบ้าง มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ โดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์จำแนกข้อมูลภาพรวม ทั้งระดับชาติ จังหวัด อำเภอ ตำบล นอกจากนี้ ระบบ iSEE 2.0 ยังเป็นเครื่องมือที่จะตามดูงบประมาณที่กสศ. จัดส่งเข้าไปช่วยเหลือว่าถึงปลายทางจริงหรือไม่ และติดตามการมาเรียนของเด็กอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผลการเรียน สุขภาพอนามัย ได้รับการพัฒนาหรือไม่   เช่น จังหวัดอุบลราชธานี มีนักเรียนยากจนที่ได้รับทุน จากกสศ. จำนวน 16 % ของนักเรียนทั้งหมดในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น ดังนั้นเมื่อทราบสถานะความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในมิตินักเรียนยากจนในพื้นที่ จะนำไปสู่การพัฒนาช่วยเหลือต่อไปในอนาคต

“ปัจจุบันมีฐานข้อมูลของเด็กทั้งประเทศ ประมาณ 2 ล้านคนที่เป็นกลุ่มนักเรียนยากจน และ50% มีความยากจนพิเศษ โดยข้อมูลนักเรียนมาจากหน่วยงานต่างๆ และจากการที่ครูทั่วประเทศกว่า 4 แสนคน เยี่ยมบ้านเก็บข้อมูลสภาพบ้านของเด็ก รายได้ การมีพื้นที่เกษตร การมีไฟฟ้า น้ำประปา พาหนะเดินทาง โดยครูจะทำการกรอกข้อมูลและรูปภาพเข้าสู่ระบบ iSEE2.0” นายสุภกร กล่าว

Related Posts

Send this to a friend