ผู้ตรวจการแผ่นดิน ห่วง ร.ร.เอกชนปิดตัวเพราะโควิดเพิ่ม
กระทบบุคลากรทางการศึกษากว่าแสนคน – นร.อีกร่วม 2 ล้านคน
วันนี้ (26 ก.พ. 65) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด กระทบสภาพคล่องของโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ 3,563 แห่ง ทำให้แห่งต้องปิดกิจการ เพราะไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากนักเรียนสมัครเรียนน้อยลง ผู้ปกครองค้างชำระค่าธรรมเนียม ขณะที่ช่วงเดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน โรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนแบบ ONSITE ได้ จนผู้ปกครองจำนวนมากเรียกร้องขอเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาคืน จนโรงเรียนขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินจ่ายครูและบุคคลากร
ล่าสุด พบว่าโรงเรียนเอกชนหลายแห่งเลิกจ้างครูและบุคลากรทางการศึกษาแล้ว 12,253 คน หากปล่อยให้ยังเกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก จะกระทบไปถึงโอกาสทางการศึกษาของเด็ก ที่ผู้ปกครองจำนวนมากยังต้องพึ่งโรงเรียนเอกชนเป็นสถานศึกษาทางเลือก โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล
ผู้ตรวจการแผ่นดิน จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมสรรพากร และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของโรงเรียนเอกชน ให้สามารถบริหารจัดการเพื่อความอยู่รอดและยั่งยืนจากสถานการณ์โควิด จนได้ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้
การแก้ไขปัญหาระยะสั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ประสานกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ขอลดค่าน้ำ-ค่าไฟลงร้อยละ 50 ให้กับโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นชั่วคราว , ขอความร่วมมือจากสถาบันการเงิน ให้โรงเรียนเอกชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ , ขอให้รัฐเร่งรัดจัดสรรงบประมาณชดเชยรายได้ครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนเอกชน 5,000 บาท ต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน
การแก้ไขปัญหาระยะยาว มีข้อเสนอแนะในส่วนเงินอุดหนุนค่าธรรมเนียมการศึกษารายบุคคลของนักเรียนโรงเรียนเอกชน ให้ภาครัฐอุดหนุน 100% เป็นเวลา 2 ปี เมื่อสถานการณ์โควิดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โรงเรียนสามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ ค่อยปรับลดเงินช่วยเหลือเป็น 70% เปอร์เซ็นต์ตามเดิม , ให้กรมสรรพากร ลดหย่อนภาษีจำนวนสองเท่าสำหรับผู้บริจาคเงินเพื่อการศึกษาให้กับโรงเรียนเอกชน รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้หน่วยรับสิทธิได้รับทราบแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ตลอดจนแจ้งผู้บริจาคให้ทราบถึงสิทธิ การลดหย่อนภาษีสองเท่าของจำนวนการบริจาค
ส่วนการส่งเสริมสิทธิและสวัสดิการครูโรงเรียนเอกชน ให้รัฐพิจารณาหาแนวทางเพื่อให้ครูโรงเรียนเอกชนที่ใช้สิทธิสวัสดิการกองทุนสงเคราะห์ สามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนที่เกินสิทธิได้ โดยสามารถใช้สิทธิบัตรทองเพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงควรมีการศึกษาและปรับแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ครูโรงเรียนเอกชนสามารถพิจารณาทางเลือกว่าจะใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม , ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเร่งรัดการศึกษาวิจัยร่วมกับสภาการศึกษาและวางแผนเกี่ยวกับการเพิ่มเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนในอัตราที่เหมาะสม เพื่อที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะได้นำเสนอหลักการต่อรัฐบาลให้พิจารณาเมื่อสถานการณ์ปกติและฐานะทางการเงินการคลังของรัฐบาลดีขึ้นแล้ว ส่วนงบประมาณค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนขั้นพื้นฐาน ให้รัฐเพิ่มเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนขั้นพื้นฐานให้แก่โรงเรียนเอกชนที่ประสบปัญหา 100% โดยพิจารณากำหนดรายละเอียดโรงเรียนเอกชนที่ควรได้รับการช่วยเหลือให้ชัดเจน
สำหรับมาตรการช่วยเหลือสำหรับโรงเรียนเอกชนปิดกิจการ และการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน พิจารณาเสนอปรับแก้ไขกฎระเบียบกองทุนสงเคราะห์ เพื่อให้สามารถนำเงินมาเยียวยาให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกในกรณีที่ถูกเลิกจ้างหรือยุติการเป็นครูโรงเรียนเอกชน ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ได้