สัตวแพทย์ จุฬาฯ ครองตำแหน่งสถานศึกษา อันดับ 1 ของไทย TOP 20 ของอาเซียน และ Top 73 ของโลก
รศ.น.สพ.ดร.ณุวีร์ ประภัสระกูล รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคณะเป็นอย่างมาก ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 1 ของประเทศไทย อันดับ 16 ของอาเซียน และอยู่ในอันดับ 73 ของโลกซึ่งขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 83 ของโลก จากการจัดอันดับเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งในด้านการวิจัยของคณะ รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพให้คณะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนานาชาติ
สำหรับตัวชี้วัดในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย SIR 2023 ประกอบด้วย 3 หมวดหลักดังนี้
1.ด้านการวิจัย (Research) คิดเป็นสัดส่วน 50 % โดยดูจากจำนวนเอกสารทางวิชาการ วารสาร งานวิจัย จำนวนการอ้างอิง จำนวนผู้เขียนที่เกี่ยวข้องกับผลงานวิชาการและผลงานวิจัยของสถาบัน โดยอ้างอิงข้อมูลจากฐานข้อมูล Scopus
2.ด้านนวัตกรรม (Innovation) 30% เน้นเรื่องการให้ความรู้ที่เป็นนวัตกรรม สิทธิบัตร หรือผลงานตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่อ้างอิงถึงในสิทธิบัตร โดยพิจารณาข้อมูลจาก Patent Statistical Database
3. ด้านสังคม (Societal) 20% พิจารณาจากการประชาสัมพันธ์ ขนาดของเว็บไซต์ จำนวนหน้าเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับ URL ของสถาบัน จำนวนเครือข่าย (subnets) ที่เชื่อมโยงการเข้าถึงกับเว็บไซต์ของสถาบันนั้นๆ และปริมาณเอกสาร และข่าวสารต่างๆ ของสถาบันที่เผยแพร่อยู่ใน social media
ทั้งนี้ความโดดเด่น 5 ด้านของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ที่ทำให้สามารถแข่งขันได้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอาเซียน ได้แก่
1. คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีการนำงานวิจัยไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาต่างๆ ในวิชาชีพสัตวแพทย์ รวมถึงเรื่องของโรคระบาด ปัญหาเชื้อดื้อยา ปัญหาด้านงานอนุรักษ์สัตว์ป่า ฯลฯ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ทางด้านสัตวแพทย์ในการแก้ปัญหาทั้งสิ้น
2. ด้านทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีคณาจารย์ที่เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติถึง 7 ท่าน ซึ่งนับเป็นนักวิจัยต้นแบบที่ทำให้งานวิจัยของคณะมีความเข้มแข็ง
3. ด้านทุนวิจัย (Funding) ด้วยความสามารถทางการทำวิจัยของคณาจารย์ ทำให้คณะได้รับทุนวิจัยจากภายนอกเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท หรือคนละไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ต่อคนต่อปี
4. การนำงานวิจัยเชื่อมโยงไปสู่เรื่องการเรียนการสอน หน่วยการศึกษาต่อเนื่องที่อยู่ภายใต้ฝ่ายวิจัยของคณะทำหน้าที่ในการนำเสนอและเผยแพร่ผลงานวิจัยที่ตอบสนองความต้องการของสังคม รวมทั้งจัดโครงการอบรมหลักสูตรต่างๆ ให้ประชาชนได้เข้าร่วม ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ในเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และการเป็น Research University ของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
5. เรื่องนโยบาย ภายใต้การสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย เช่น โครงการจุฬาฯ 100 ปี มีการจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมโคนมที่ จ.สระบุรี โครงการร่างนิ่ม หรือศูนย์กายอุทิศสำหรับสัตว์ ฯลฯ ทำให้คณาจารย์ในคณะได้มีโอกาสทำงานวิจัยที่ตอบโจทย์สังคมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการ C2F ซึ่งให้ทุนกับนิสิตและนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่มีศักยภาพ ทุนสนับสนุนกลุ่มวิจัยผ่านกองทุนรัชดาภิเษกสมโภช สำนักบริหารวิจัย ฯลฯ
“ความสำเร็จของคณะเกิดจากการนำความโดดเด่นในทุกๆ ด้านไปประยุกต์ใช้ให้ถูกที่และถูกเวลา รวมถึงอาจารย์ของเรายังมีเครือข่ายการทำงานร่วมกับหน่วยงาน องค์กรทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยให้จุฬาฯ เป็นที่รู้จักในระดับสากล ทำให้เกิดความร่วมมือในด้านการวิจัยตามมา” รศ.น.สพ.ดร.ณุวีร์ กล่าว
รศ.น.สพ.ดร.ณุวีร์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแนวทางในการส่งเสริมงานวิจัยและวิชาการของคณาจารย์และนิสิตในคณะ ได้มีการสนับสนุนทุนนักวิจัยรุ่นใหม่ และรุ่นกลาง มีระบบนักวิจัยพี่เลี้ยง เพื่อช่วยให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้รับทุนวิจัยในระดับที่สูงขึ้น ทั้งนี้ ยังทำหน้าที่ส่งเสริมทางด้านนวัตกรรมและนำผลงานวิจัยไปประกวดแข่งขันในระดับนานาชาติ ตลอดจนดูแลเพิ่มพูนทักษะด้านการเขียนบทความวิชาการและข้อเสนอโครงการ รวมทั้งมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสารด้านทุนวิจัยและการให้รางวัลต่างๆ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักวิจัย
ทั้งนี้คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการสร้างสรรค์งานนวัตกรรมของคณาจารย์และนิสิตผ่านโครงการการส่งเสริมระบบนิเวศนวัตกรรมของคณะ ด้วยการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทางด้านนวัตกรรมแก่นิสิตและบุคลากรผ่านบริษัท Spin-Off ของจุฬาฯ ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท CU Enterprise รองรับกิจกรรมต่างๆ อาทิ Innovation and Enterprise Clinic ที่ได้รับการสนับสนุนจากศิษย์เก่าของคณะ การส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวัตกรรมไปสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบกิจการ ผ่าน CUVET Startup for Future Leader การอบรม Innovative sandbox incubation program สำหรับนิสิต การสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและดำเนินกิจการได้คล่องตัว เช่น โครงการอบรมเรื่องการจัดการบรรษัทภิบาลและภาษี โครงการ Demo Day for Innovator โครงการส่งเสริมการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดทุน ฯลฯ
อีกทั้งผลการดำเนินงานด้านการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมที่ผ่านมา ทำให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ มากมายที่ตอบโจทย์ต่อสังคมและประเทศชาติ นวัตกรรมที่เป็น Highlight เช่น นวัตกรรมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์ทั้งภาคการเกษตร และการดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น การพัฒนาวัคซีนนาโนแบบไร้เข็มที่ใช้ในปลา การพัฒนาโพรไบโอติกโดยใช้เทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับไมโคร การเพิ่มผลผลิตปลานิลด้วยการใช้ฮอร์โมนเปลี่ยนเพศ การพัฒนาการรักษาสัตว์เลี้ยงด้วยเทคโนโลยีการผลิตสเตมเซลล์ เป็นต้น
“จากภาพรวมด้านงานวิจัยของคณะ ถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว สิ่งที่เรากำลังต่อยอดจากงานวิจัยคือการนำ งานวิจัยไปเป็นส่วนสำคัญของการเรียนการสอนทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร การเชื่อมโยงงานวิจัยผ่านมุมมอง ทางด้านสังคม ไม่ใช่มุมมองด้านการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์อย่างเดียว รวมถึงการขยายงานบริการเชิงนวัตกรรมสู่การนำไปใช้จริงในโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ” รศ.น.สพ.ดร.ณุวีร์ กล่าว