KNOWLEDGE

มูลนิธิเอสซีจี จัดงาน Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ผนึกกำลังทุกภาคส่วนสร้างบุคลากร ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน

มูลนิธิเอสซีจี จัดงาน Learn to Earn : The Forum จุดประกาย และเปิดมุมมองใหม่ ให้เยาวชน ได้เรียนรู้ ปรับตัว เพิ่มทักษะความรู้ และทักษะชีวิต (Soft skill & Hard skill) เพื่อให้อยู่รอดได้ในโลกยุคปัจจุบัน ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยได้ผนึกกำลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ได้รับเกียรติจาก 4 Key Drivers ของประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและมุมมอง ผ่านการเสวนาหัวข้อ “เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด” ผนึกกำลังชาติเพื่ออนาคตไทย มุ่งให้ความสำคัญและเน้นการพัฒนาศักยภาพของคนในทุกมิติ และส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong learning และนำไปปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืน

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคปัจจุบัน ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องของ Digital Transformation และการขาดแคลนแรงงาน อันเนื่องมาจากสังคมผู้สูงวัย ทางรอดของไทยคือต้องปรับตัวเป็น High skills labor เป็นแรงงานที่มีทักษะขั้นสูง และเป็นที่ต้องการของตลาด พร้อมทั้งเติม innovation และ งานวิจัย ที่ใช้งานได้จริง ส่วนภาคอุตสาหกรรมไทย ปัจจุบันได้ปรับตัวมุ่งไปสู่ Next GEN INDUSTRIES อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต รองรับการผลิต 3 กลุ่มคือ S curves และ New S curve ทักษะที่เป็นที่ต้องการสูงสุด 3 อันดับแรก คือ วิศวกรรม ดิจิตอล และ data analytic

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหาร กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า การแก้ปัญหาในเรื่องการศึกษา ของเด็กและเยาวชน มีทั้งกลุ่มที่ยังอยู่ในระบบการศึกษา และที่ออกนอกระบบไปแล้ว กลุ่มที่ยังอยู่ในระบบการศึกษาพบว่า ปัญหาปัจจุบันคือหลักสูตรที่เรียนรู้ไม่ตอบโจทย์ทักษะการทำงาน ทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน ส่วนกลุ่มที่ออกนอกระบบการศึกษาไปแล้ว ควรหันมาพัฒนาทักษะอาชีพ เพื่อเพิ่มโอกาสการมีงานทำ ซึ่งเห็นด้วยกับการเรียนหลักสูตรอาชีพระยะสั้น ที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 1 ปี จบแล้วมีงานทำแน่นอน เช่น หลักสูตรผู้ช่วยทันตแพทย์ หรือผู้ช่วยพยาบาล ซึ่งเป็นสายอาชีพที่ตลาด มีความต้องการสูง

ทั้งนี้การจัดการเรื่องการศึกษา ของเด็กและเยาวชนนั้น มองว่าสำหรับเด็กและเยาวชน ที่หลุดไปจากระบบการศึกษาแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องควรต้องตามกลับมา ให้เด็กและเยาวชนกลับมาเรียนต่อ แต่หากตามกลับมาไม่ได้ ก็ควรต้องมีโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้ต่อไปได้ แม้จะหลุดออกไปนอกระบบการศึกษาแล้วก็ตาม

ด้าน ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วในระบบการศึกษา อยากให้เป็นการเรียนแบบ learn on anywhere ซึ่งสถาบันการศึกษาหลายแห่ง สามารถสนับสนุนการเรียนในลักษณะของ micro credential ประกาศนียบัตรฉบับจิ๋ว ใช้เวลาในการเรียนไม่นาน เน้นเรียนในสิ่งที่จะตอบโจทย์ตลาดแรงงานได้ นอกจากจะได้งานทำแล้ว ผู้เรียนยังสามารถนำความรู้ความสามารถ ที่ได้รับมาใช้ต่อยอด หากต้องการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นไปได้อีกด้วย

นอกจากทักษะด้านเทคโนโลยีต่างๆ ทักษะด้านการวิเคราะห์ ด้านบริหารและความเป็นผู้นำแล้ว ทักษะที่ตลาดยังคงมีความต้องการสูง คือทักษะด้านภาษาและด้านการสื่อสาร ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่า การพัฒนาหลักสูตรหรือสร้างหลักสูตรใหม่ๆ ขึ้นมานั้น ควรต้องทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษากับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้หลักสูตรนั้นตอบโจทย์ความต้องการ ของตลาดได้อย่างแท้จริง และหลักสูตรที่เหมาะสม กับยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้ ควรต้องเป็นหลักสูตรที่เป็นการเรียนรู้ข้ามศาสตร์ ด้วยการนำหลายศาสตร์มาผสมผสานกัน ไม่ใช่การเรียนรู้เพียงเรื่องเดียวหรือศาสตร์เดียวเหมือนอย่างในอดีต

ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัญหาที่พบในปัจจุบัน คือการผลิตคนที่บางครั้งไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ กำลังพยายามเปลี่ยนแปลง และทำให้เป็นการเรียนแบบ anytime, anywhere ทั้งเพื่อเร่งผลิตคนให้ตอบโจทย์ตลาด อีกทั้งเพื่อตอบรับสังคมผู้สูงวัย โดยได้ทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการเรียนรู้ความต้องการตลาดแรงงานในปัจจุบัน และนำมาพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้ตอบโจทย์ทักษะที่ตลาดต้องการ พบว่าปัจจุบันมีหลายหลักสูตรใหม่ๆ ที่ออกมา ผู้เรียนมีความสุขในการเรียน แล้วยังมีรายได้ในขณะเรียนด้วย เช่น หลักสูตรอีสปอร์ต ส่วนความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ นั้น ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้ร่วมกับกระทรวงอื่นในการช่วยกัน ส่งเสริมการเรียนรู้ในลักษณะที่เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นต้น

ด้าน นางสาวปรียา พรมแดง หนึ่งในรุ่นพี่นักเรียนทุนมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า มีความเชื่อว่าสิ่งที่นำพาให้มาอยู่ในจุดนี้ได้ คือการไม่หยุดพัฒนาตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเป็นครู เพราะต้องการส่งต่อโอกาสและความคิดให้กับคนรุ่นใหม่ หลังจากที่คว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร มาได้แล้ว ก็ได้สมัครเป็นครูสมใจที่โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพฯ แม้ว่าจะเรียนจบเอกภาษาไทย แต่ก็ใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักกับภาษาอังกฤษที่เป็นวิชาที่ชอบ และยังมีโอกาสได้เรียนภาษาบาฮาซา ที่อินโดนีเซีย

ปัจจุบันยังเรียนเพิ่มเติมภาษาเยอรมันอีกด้วย เวลาที่นอกเหนือจากการสอนที่เป็นงานประจำ จะหมดไปกับการ up skills ด้วยการอ่านและดูสื่อต่างๆ หรือการเข้าร่วมกิจกรรม หรือการแข่งขันเพื่อเปิดโลกทัศน์ และทดสอบทักษะที่มีอยู่ รวมถึงการ re skills ด้วยการฝึกฝนในสิ่งที่เรียนมา นั่นก็คือทุกภาษาที่มีความรู้ความชำนาญ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาบาฮาซา รวมถึงทักษะอื่นๆ ที่จำเป็นกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการวิเคราะห์ ทักษะชีวิต หรือทักษะการปรับตัว ที่มองว่าจำเป็นมากสำหรับการทำงาน

เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหากเรียนรู้ ที่จะอยู่องค์กรนั้นได้ จะทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น สำหรับแนวคิด Learn to Earn นั้น มองว่าเป็นการฝึกฝนและพัฒนาทักษะที่ถนัดหรือสนใจ เพื่อต่อยอดให้กลายเป็นอาชีพได้ โดย up skills เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้ตัวเอง และ re skills เพื่อรักษาคุณค่านั้นไว้ หรือเพิ่มทักษะสำคัญเพื่อต่อยอดการทำงาน เมื่อทำได้จะทำให้สามารถ Earn from Learn ได้อย่างมีความสุข

มูลนิธิเอสซีจีมุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษา แก่เด็กและเยาวชนมานานกว่า 60 ปี จนถึงปัจจุบัน ได้ให้ทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 100,000 โดยเน้นหลักสูตรการเรียน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน ได้แก่ หลักสูตรด้านการแพทย์และสาธารณสุข เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ หลักสูตรด้านอุตสาหกรรม S-curve และ New S-curve หลักสูตรด้านเทคโนโลยี IT เป็นต้น พร้อมขยายแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจี เชื่อว่าคุณภาพของทรัพยากรบุคคล มีความสำคัญที่สุด หากจะพัฒนาประเทศให้ได้ผล พื้นฐานต้องเริ่มต้นที่การพัฒนาคน ทั้งเรื่องการพัฒนาทักษะ หรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในวันนี้มีบทบาทและความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการศึกษาภาคบังคับ นอกจากนี้ยังต้องมีการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน เพื่อที่จะทำให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อจะช่วยกันผลักดันประเทศให้เติบโตไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat