KNOWLEDGE

NIA เปิดมุมมอง 3 องค์กรที่เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนเพื่อความยั่งยืนของทุกธุรกิจ

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดมุมมองและเหตุผลในการพัฒนาความยั่งยืนที่ภาคธุรกิจต้องหันมาให้ความสนใจและทำกันอย่างจริงจังขึ้น พร้อมกับความสำเร็จจากองค์กรที่ยืนด้วยความยั่งยืนแบบที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ภาคธุรกิจเห็นภาพและพร้อมใจมาเริ่มสร้างความยั่งยืนมากขึ้น

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันเรื่องความยั่งยืนกลายเป็นภาคบังคับให้ทุกคนต้องก้าวเดินไป ซึ่งยังมีหลายมุมมองที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งในแง่ของการปฏิบัติจริง การลงทุนระยะสั้นที่ซับซ้อนและลงทุนยาก รวมถึงเหมาะกับนักลงทุนเฉพาะกลุ่ม เพราะไม่ได้สำเร็จให้เห็นเป็นรูปธรรม หรือจับต้องได้ง่าย ซึ่งความเป็นจริงสามารถเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองได้ง่าย ๆ จากแนวคิดของเจ้าของกิจการ หรือพฤติกรรมของพนักงานในองค์กร

NIA โดยสถาบันวิทยาการนวัตกรรม (NIA Academy) จึงร่วมกับธนาคารออมสิน พัฒนาหลักสูตรการสร้างกรอบแนวคิดธุรกิจใหม่และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development, ESG and Business Model Development Programme) เพื่อให้ความรู้และเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นเกี่ยวกับ ESG เน้นการทำธุรกิจใหม่ตามกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีประเด็นหลักคือการทำธุรกิจที่หารายได้แต่ยังให้ความใส่ใจต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับหลักสูตรดังกล่าว ประกอบไปด้วยบทเรียนออนไลน์ 10 วิชา และ 7 กรณีศึกษาจากองค์กรทางสังคมและธุรกิจไทยที่มีการดำเนินงานด้าน ESG อย่างเป็นรูปธรรมและน่าสนใจ รวมถึงตัวอย่างสตาร์ทอัพจากโครงการ GSB Smart Startup Company เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งวิชาการและกรณีศึกษา ทั้งภาคธุรกิจและสตาร์ทอัพ

ผศ.ดร.ภูมิพร ธรรมสถิตเดช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาตรี นวัตกรรมและการแปรรูปทางดิจิทัล (DX) วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักคิดว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันความยั่งยืนเป็นเรื่องของเจเนอเรชั่นใหม่ หลายองค์กรจึงเริ่มนำกิจกรรมด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวคิด Triple Bottom Line คือ การสร้างความสมดุลในการทำธุรกิจทั้ง 3 ด้าน People, Profit และ Planet เข้าไปผสมผสานกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ หากต้องการให้ธุรกิจเติบโตยืนยาว ผู้บริโภคต้องอยู่ได้ยาวนานเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีหลายองค์กรที่บรรจุเรื่องความยั่งยืนไว้ในกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ สร้างการสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ รวมถึงนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเกิดความยั่งยืน เช่นเดียวกับ 3 ตัวอย่างองค์กรธุรกิจรักษ์โลกและธุรกิจเพื่อสังคมที่มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับความยั่งยืนขององค์กร ได้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ บริษัท ไอ.พี. วัน จํากัด และ Qualy แบรนด์ไทยผู้ออกแบบของใช้พลาสติกรักษ์โลกที่ต่างมีแนวทางน่าสนใจและลงมือทำกันอย่างจริงจัง

ภก.ชาญชัย ธรรมร่มดี กรรมการบริหารมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อมตามนโยบายสุขภาพดีราคาถูกของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ หลังมีการตัดงบประมาณเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการผลิตยาร่วมทุนที่มีค่าคอร์ทสูง จึงเป็นโอกาสให้มูลนิธิฯ ฟื้นฟูยาสมุนไพรในสวนพฤกษศาสตร์และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กลับมามีบทบาทสำคัญต่อการดูแลรักษาโรคในการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงทำให้สินค้ายาสมุนไพรสามารถกระจายออกจากโรงพยาบาลไปสู่สาธารณะ

“กรอบแนวคิด ESG ทำให้มูลนิธิฯ ถูกบอกต่อโดยผู้คนแบบปากต่อปาก ไม่ต้องโฆษณา ถือเป็นความแตกต่าง เป็นจุดแข็งที่ทำให้มูลนิธิฯ เป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนแล้วจริง ๆ เพราะเรามีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างองค์กรให้อยู่ยืนยาวไปอีก 100 ปี ฉะนั้นพันธกิจที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมาย คือเราไม่ควรถามว่าเราจะได้อะไร แต่ควรถามว่าเราจะให้อะไรกับโลกนี้ เพราะหากดำเนินธุรกิจโดยคิดถึงแค่กำไรและต้นทุน แต่ลูกหลานจะอยู่ไม่ได้ในอนาคต ดังนั้น หากองค์กรพร้อมจะยืนหยัดและมีจุดยืน ท่านจะได้ความชื่นชมจากผู้บริโภค” ภก.ชาญชัย กล่าว

นางสาวสิรินารถ ธเนศวรกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอ.พี. วัน จํากัด กล่าวว่า บริษัทฯ คิดค้นสินค้าอุปโภคบริโภคที่อยู่คู่คนไทยมา 52 ปี ภายใต้ปรัชญาที่ต้องการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้คนไทยใช้ เพราะมองว่าสินค้าที่ดีและมีคุณภาพจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้องค์กรและผู้บริโภค โดยมุ่งพัฒนาทั้งสินค้า คน และกระบวนการทำงาน เริ่มจากการพัฒนาสินค้าให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนบรรจุภัณฑ์ใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการรียูส รีไซเคิล อัพไซเคิล รวมถึงลดปริมาณการใช้น้ำ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปลูกฝังและปรับพฤติกรรมของคนในองค์กรให้รู้จักดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเริ่มต้นจากการแยกขยะ สร้างดีเอ็นเอของคนในองค์กรให้มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและพร้อมมุ่งมั่นพัฒนา ต่อยอดสินค้า และกระบวนการทำงานให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต ถือเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรที่ขับเคลื่อนเรื่องของความยั่งยืนมาตั้งแต่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว

นายธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง QUALY กล่าวว่า ตอนเริ่มต้นธุรกิจไม่ได้นึกถึงเรื่องความยั่งยืนเป็นหลัก แต่เมื่อเห็นว่าพลาสติกที่นำมาใช้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จึงทบทวนและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงาน โดยนำขยะพลาสติกกลับมาใช้เป็นวัสดุเข้าสู่ระบบการผลิตที่สะอาดเพื่อผลิตเป็นสินค้าทดแทนการใช้ทรัพยากรใหม่ ภายใต้แนวคิด “ดีไซน์เพื่อโลกที่ยั่งยืน (design for sustainable world)”

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความรับผิดชอบต่อขยะที่เราสร้าง ตั้งแต่การผลิตไปจนบริโภค ซึ่งผู้ที่ซื้อจาก QUALY ไปแล้วหากชำรุดสามารถนำมาคืนพร้อมรับส่วนลดในการซื้อสิ่งใหม่ และสุดท้ายคือการรีเทิรน ขยะของใครก็ตามที่เป็นพลาสติก บริษัทจะรับเพื่อนำกลับคิดหาวิธีการใหม่ ๆ ที่จะพยายามดึงทรัพยากรที่หมดอายุแล้วให้กลายเป็นทรัพยากรใหม่ที่มีคุณค่า

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat