KNOWLEDGE

อาจารย์ศศินทร์ จุฬาฯ เผยแนวคิด “เปลี่ยนผู้สูงอายุเป็นพลัง” ช่วยขับเคลื่อนประเทศ

ผศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ สาขาวิชาการเงิน สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอแนวคิดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อผู้สูงวัย เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ เพราะอายุและวัยไม่ใช่อุปสรรคในการทำงาน ผู้สูงวัยสุขภาพดีสามารถใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต ผันตัวเองเป็นจิตอาสาช่วยเหลือโครงการต่างๆได้ เนื่องจากข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ คาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า จำนวนผู้สูงวัยจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นถึง 1 ใน 5 ของประชากรโลก ในส่วนของประเทศไทยในปี 2562 มีอัตราการเกิดลดต่ำลงเหลือเพียง 6.1 แสนคน ขณะที่จำนวนผู้สูงวัยวัยปลาย อายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 1.3 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่าในปี 2565 ประเทศไทย จะเข้าสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยจะมีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป ในอัตราร้อยละ 20 ของจำนวนประชากรทั้งหมด และคาดว่าในปี 2576 จะเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” คือมีสัดส่วนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในอัตราร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ดังนั้นการให้ความสำคัญกับกลุ่มคนสูงวัย จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

ผศ.ดร.ปิยะชาติ เผยว่า “อนาคตสังคมสูงวัยในประเทศไทย อาจจะไม่ได้น่าวิตกกังวลอย่างที่คาดการณ์กัน หากมีการเปลี่ยนมุมมองต่อผู้สูงวัย ให้เป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของสังคม เพื่อที่จะช่วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมที่สร้างรายได้ ด้วยเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม สนับสนุนให้ผู้สูงวัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคในการดูแล และเตรียมความพร้อมทางด้านสุขภาพของตัวเอง การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย สามารถสดใสได้มากกว่านี้และผู้สูงวัยจะเป็นพลังสำคัญ ในการขับเคลื่อนประเทศได้ ด้วยสองแนวคิดใหม่ได้แก่ แนวคิดที่ 1.การปันผลทางประชากรระยะที่ 3 ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ที่องค์การสหประชาชาติ นำเสนอขึ้นมาเพื่อเป็นแนวคิดสำคัญ สำหรับการเตรียมความพร้อม ในการเข้าสู่สังคมสูงวัย เราต้องมองว่าผู้สูงวัยสามารถเป็นทรัพยากร ที่มีคุณค่าให้กับประเทศ และอาจเป็นทรัพยากรหลักที่ขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และแนวคิดที่ 2. คือการสะกิดใจให้คนไทย เป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดี ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่เป็นเรื่องที่ทำยากเนื่องจากทุกคน ยังไม่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้อย่างแท้จริง”

“หลายคนเวลามองเรื่องสังคมสูงวัย มักจะมองในเชิงลบ โดยมองว่าผู้สูงวัยเยอะจะทำให้ไม่มีคนทำงาน มีค่าใช้จ่ายทางสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ทางทีมวิจัยจึงได้นำเสนอแนวคิด การปันผลทางประชากรระยะที่ 3 เพื่อทำให้ผู้สูงวัยสามารถกลายเป็นพลัง ที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจได้ซึ่งประกอบด้วย 3 แนวคิด ดังนี้”

1.ต้องเปลี่ยนแนวคิดว่าผู้สูงวัย ถึงแม้ร่างกายถดถอยลงตามอายุ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงาน จริงอยู่ว่ามีหลายอาชีพที่ต้องใช้ร่างกาย ในการทำงานแต่ก็มีหลายอาชีพ ที่อาศัยทักษะอื่นในการทำงาน ซึ่งหลายทักษะนั้นก็ได้พัฒนาเพิ่มขึ้น ตามอายุของการทำงาน ไม่ใช่ทุกงานที่จะต้องพึ่งร่างกายอย่างเดียว ยังมีงานอีกหลายงานที่ยังสามารถพึ่งผู้สูงวัยได้อยู่

2.เทคโนโลยีสามารถจะเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่จะทำให้อุปสรรคหรือขีดจำกัด ในการทำงานของผู้สูงวัยหายไป เช่น การใช้ระบบ Zoom ก็จะช่วยลดปัญหา ในการเดินทางไปทำงานของผู้สูงวัยได้ นอกจากนี้เทคโนโลยี automation technology ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ AI แม้กระทั่งระบบ 5G 6G ก็สามารถเข้ามาช่วยลดอุปสรรค ความลำบากทางด้านร่างกายแ ละความคิดในการทำงานของผู้สูงวัยได้

3.ผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดีสามารถใช้ประสบการณ์ ที่สั่งสมจากการทำงานมาทั้งชีวิต ผันตัวเองมาเป็นจิตอาสาช่วยเหลือโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ได้เป็นอย่างดี

“การทำให้ประชากรสูงวัยในอนาคต มีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนและทุกภาคส่วน จะต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ผู้สูงวัยที่มีความรู้มีความสามารถ มีสุขภาพที่ดีจะสามารถช่วยลูกหลานและช่วยประเทศชาติได้ การช่วยเหลือสังคมของผู้สูงวัย อาจไม่จำเป็นต้องเป็นการทำงานแลกด้วยเงิน แต่เป็นการเข้าร่วมโครงการจิตอาสาต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างคุณค่าได้อย่างมาก นอกจากนี้แนวคิดการสะกิดใจ ให้คนไทยเป็นผู้สูงวัยที่มีสุขภาพดีจะเป็น “วิธีใหม่” ในการช่วยให้ประชากรสูงวัยในอนาคตมีสุขภาพดี สาเหตุสำคัญเป็นเพราะว่าหลายคน มักจะเชื่อว่าการ “บอก” หรือการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (ซึ่งเป็น “วิธีเก่า”) น่าจะเพียงพอในการจูงใจให้คนส่วนใหญ่ดูแลสุขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แนวคิดนี้กลับไม่มีประสิทธิภาพ ในการจูงใจให้คนดูแลสุขภาพ เพราะอุปสรรคที่แท้จริงไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่า แต่ “รู้ทั้งรู้” ว่าควรทำอะไร แต่ก็ทำไม่ได้”

ทั้งนี้แนวคิดการสะกิดใจ คือการทำความเข้าใจธรรมชาติและอุปสรรค (ทางความคิด) ที่แท้จริงที่ทำให้คนเราไม่สามารถเลือกสิ่งที่ควรเลือกได้ ซึ่งอุปสรรค (ทางความคิด) เหล่านี้อาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่สิ่งเหล่านี้กลับมีความสำคัญอย่างมาก ต่อการตัดสินใจของคนเรา เช่น คนเรามักจะลืม หรือคนเรามักจะกลัวการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถ้าเราใช้ความเข้าใจในอุปสรรค (ทางความคิด) เหล่านี้ในการออกแบบแนวทางการสะกิดใจ เช่น การมีอุปกรณ์ที่ช่วยเตือนให้เรา ทำในสิ่งที่เราควรทำ หรือการทำให้สิ่งที่ดี (เช่น อาหารที่ดีต่อสุขภาพ) เป็นทางเลือกตั้งต้น (ซึ่งคนเราก็มักจะกลัวหรือขี้เกียจเปลี่ยน) ก็จะสามารถช่วยสะกิดใจ และแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้อย่างแท้จริง

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat