เทคนิคดูแลสุขภาพรับวันเปิดเทอม ป้องกันเด็กป่วย-เสริมประสิทธิภาพการเรียนที่แจ่มใส
การเปิดเทอมช่วงหน้าฝน เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ รวมถึงอันตรายจากการไปโรงเรียนของลูกหลานได้ โดยเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว และการเดินทางโดยรถสาธาณะ ที่ก่อให้เกิดทั้งโรคติดเชื้อต่างๆ จากการที่เด็กเผลอเอาไปสัมผัสถูกเสา เบาะที่นั่ง หรือราวจับ บนรถประจำทางและรถไฟฟ้า หรือแม้แต่ปัญหาน้ำท่วมขัง ที่เป็นสาเหตุของโรคเชื้อราที่เท้า กระทั่งการลื่นหกล้มจากการขึ้นหรือลงรถ ซึ่งอันตรายเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผู้ปกครอง และผู้เกี่ยวข้องในการดูแลเด็กจากบ้านไปถึงโรงเรียน ควรให้ความตระหนัก และให้ความรู้กับบุตรหลาน ในการรับมือภัยดังกล่าวเช่นกัน
The Reporters ได้สอบถามไปยัง “พญ.ณัฐชญา ไมตรีเวช” แพทย์ทางเลือกเวชศาสตร์ชะลอวัย เจ้าของคลินิกดูแลความงามอย่าง “ณัฐชญา คลินิก” (Natchaya Clinic) ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ของบุตรหลาน รับเปิดเทอมไว้น่าสนใจ โดยเฉพาะอันตรายต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ตั้งแต่การขึ้นและลงรถ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อไวรัส ที่ทำให้คออักเสบ ตาอักเสบ และโรคตาแดงที่ระบาดในช่วงหน้าฝน หรือแม้แต่การลื่นหกล้ม ในกรณีที่เด็กๆรีบวิ่งเข้าโรงเรียน จากการที่มีน้ำท่วมขังที่พื้น รวมถึงการที่ผู้ปกครองเตรียมอุปกรณ์ ในการป้องกันเชื้อโรค เชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุของโรคหวัด อย่างเสปร่ย์พ่นจมูกชนิดผงเซลลูโลส พกใส่ในกระเป๋านักเรียนไว้ให้ลูกหลาน ก็เป็นการเตรียมความพร้อมรับมือเปิดเทอมที่ดีเช่นกัน
พญ.ณัฐชญา กล่าวว่า “การเดินทางไปโรงเรียนในช่วงหน้าฝนนี้ ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะต่างๆ หรือแม้แต่รถประจำทาง เรื่องแรกคือการระวังเกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน เพราะบางครั้งถ้าฝนตก ถนนจะลื่นทำให้การควบคุมเบรครถยนต์ทำได้ลำบาก ดังนั้นผู้ขับขี่รถยนต์เพื่อไปส่งเด็กๆที่โรงเรียน ควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ที่สำคัญไม่ควรขับขี่รถยนต์เร็วเกินไปในช่วงหน้าฝน นอกจากนี้เมื่อไปถึงโรงเรียนแล้ว ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็ก ควรให้การดูแลและเฝ้าระมัดระวัง ในการลงรถอย่างปลอดภัย โดยบอกให้เด็กลงรถอย่างช้าๆ เพราะเมื่อเด็กๆไปถึงโรงเรียน อาจจะรีบวิ่งเข้าโรงเรียน จนกระทั่งเกิดการหกล้มได้ เนื่องจากพื้นปูนลื่นน้ำฝนที่ท่วมขังบริเวณโรงเรียน”
“ที่สำคัญภายในรถประจำทาง รถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะที่รับส่งนักเรียน ก็ต้องให้ความสำคัญกับการหมั่นทำความสะอาด โดยการเช็ดถู เบาะ ราวจับต่างๆภายในรถ เพราะภายในรถอาจมีเชื้อโรค และเชื้อไวรัส ที่มักจะเจริญเติบโตได้ดี จากอาการที่ชื้นในช่วงหน้าฝน และเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กๆป่วยด้วยอาการคออักเสบ โรคตาแดงที่มักระบาดในช่วงหน้าฝน หรือ ตาอักเสบ เนื่องจากผู้ที่ได้รับเชื้อโรคตาอักเสบ นำมือไปจับที่ดวงตา ซึ่งมีหนองที่ปนเปื้อนเชื้อโรคตาอักเสบอยู่ และไปสัมผัสที่เบาะรถ ดังนั้นเมื่อเด็กโดยสาธารณะหรือรถยนต์เหล่านี้ และนำมือไปจับที่ห่วง เสา ราวรถ จึงทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคดังกล่าว ดังนั้นความใส่ใจในการทำความสะอาด ภายในรถโดยสารต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ผู้ดูแลไม่ควรมองข้าม และควรหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน หรือบ่อยกว่านั้นหากเป็นบริการรถสาธารณะ ที่มีคนใช้บริการค่อนข้างเยอะ”
“ส่วนเด็กที่อยู่ในกทม.นั้น การไปโรงเรียนช่วงหน้าฝน อาจมีน้ำท่วมขังบนผิวจราจร ก็แนะนำให้เฝ้าระวังโรคน้ำกัดเท้า ทั้งนี้หากน้ำกัดเท้าและไม่ได้เป็นเชื้อรา ก็แนะนำให้ทาครีมสำหรับรักษาน้ำกัดเท้า และหมั่นรักษาความสะอาด รวมถึงพึ่งเท้าให้แห้งก็เพียงพอแล้ว แต่หากน้ำกัดเท้าและเป็นเชื้อรา ก็ควรทาครีมกำจัดเชื้อรา ที่มีส่วนผสมของ โคไตรมาโซล หรือ คีโตโคนาโซล ก็จะทำให้เชื้อราที่เท้าหายไวขึ้น ทั้งนี้หากเด็กมีปัญหาเรื่องนำกัดเท้า ผู้ปกครองควรขออนุญาตครู ไม่ใส่ถุงเท้า และใส่รองเท้าที่ระบายอากาศ ไปโรงเรียนในช่วงดังกล่าว”
“นอกจากนี้การเตรียมพร้อมอุปกรณ์ สำหรับป้องกันเชื้อโรคทางเดินหายใจ หรือเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุของโรคหวัด และโรคภูมิแพ้ในช่วงหน้าฝนนั้น แนะนำให้ผู้ปกครองสามารถให้เด็กที่อายุมากกว่า 3 ปีขึ้นไป (เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีไม่ควรใช้ เนื่องจากทางเดินหายใจของเด็กเล็กเกินไป) พกสเปรย์พ่นจมูกชนิดผงเซลลูโลสไว้ฉีดพ่นจมูก กรณีที่เด็กไปโรงเรียน หรือให้ครูผู้ดูแลเด็กฉีดพ่นให้เด็ก เพื่อรับมือกับเชื้อโรคทางเดินทางหายใจ ส่วนการรับมือกับปัญหากลิ่นอับต่างๆ จากการใส่รองเท้าถุงเท้าที่เปียกชื้น หรือไม่แห้งสนิทนั้น แนะนำว่าในช่วงหน้าฝน ผู้ปกครองสามารถรักษาความสะอาด ของถุงเท้าและรองเท้า ด้วยการตากให้แห้งสนิท หรือซักทำความสะอาดถุงเท้าให้บ่อยกว่าปกติ เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้นและเชื้อราที่เท้า”
โรงเรียนเตรียมความพร้อมรับเปิดเทอมรอบด้าน ช่วยดูแลสุขภาพนักเรียนปลอดโรคได้
“ในส่วนของโรงเรียนนั้นการรับมือเปิดทอม เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะความปลอดภัย ที่เกี่ยวกับสายไฟช่วงหน้าฝน เนื่องจากเคยมีเคสว่า เด็กนำมือไปรูดเล่นที่ราวเหล็ก ซึ่งนำไฟฟ้าได้ดี กระทั่งถูกไฟช็อตและได้รับการรักษากระทั่งป่วย และนอนเป็นผักไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ดังนั้นทางโรงเรียนควรตรวจดูระบบสายไฟ โดยเฉพาะสายดิน ที่จำเป็นต้องดูแลและปรับปรุงให้เรียบร้อย เพราะอาจช็อตและเป็นอันตรายกับเด็ก ถึงขั้นเสียชีวิตได้”
“เนื่องจากในโรงเรียน อาจเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ในช่วงหน้าฝนแล้ว การหมั่นทำความสะอาด บริเวณโดยรอบ ทั้งโต๊ะเก้าอี้ต่างๆแล้ว ในโรงเรียนเอกชน ควรมีเครื่องสำหรับวัดความชื้นในอากาศ ซึ่งเมื่อวัดแล้วความชื้นในอากาศ ต้องไม่เกินระดับที่ 60-70 ทั้งนี้เพื่อลดการติดเชื้อทางเดินหายใจ นอกจากนี้ในโรงเรียน ก็ควรมีเครื่องกรองอากาศด้วยเช่นกัน แต่หากในโรงเรียนรัฐบาล ที่ไม่เครื่องวัดความชื้นในอากาศ ผู้ปกครองก็ควรให้เด็กพกสเปร่ย์พ่นจมูก ชนิดผงเซลลูโลสไว้ติดกระเป๋า เพื่อป้องกันโรคทางเดินหายใจ รวมถึงการที่คุณครูให้ความใส่ใจ และคอยสอดส่อง ในเรื่องของเด็กป่วยเป็นหวัดในห้องเรียน ที่อาจจำเป็นต้องมีการแยกตัวเด็กป่วย เพื่อให้เรียนออนไลน์ที่บ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เด็กเรียนตามทันเพื่อน และป้องกันไม่ให้เด็กคนอื่นๆ ติดเชื้อโรคหวัดที่ปนเปื้อนอยู่ที่โต๊ะนักเรียน ของเด็กป่วยคนดังกล่าว ก็สิ่งที่ควรเฝ้าระวังค่ะ”