สานความผูกพันรับวันผู้สูงอายุ เน้นลูกหลานเลือกทุกกิจกรรม ให้ สว. มีส่วนร่วม
ทุกอย่างอยู่ที่คุณเลือก โดยเฉพาะกิจกรรมกระชับความผูกพัน ระหว่างลูกหลานกับปู่ย่าตายาย รับวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทุกปี และยังเป็นวันสงกรานต์อีกด้วย ทว่าปีนี้ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอย่างฝุ่นควันพิษ และอากาศที่ร้อนระอุที่คาดว่า น่าจะขยับไปถึง 43 องศาเซลเซียสนั้น อาจทำให้หลายคนไม่อยากออกจากบ้านไปไหน หรือไปทำบุญใส่บาตรที่วัดรับปีใหม่ไทยและรีบกลับ เพราะกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณปู่คุณย่า แต่ทว่าไม่มีผลในแง่ของการเติมความรัก ความห่วงใยให้กับท่าน เพราะการอยู่บ้านและทำกิจกรรมด้วยกัน ก็เสริมสร้างความสุข ให้กับสมาชิกในครอบครัวได้ เช่น การหยิบยกอาหารเป็นตัวชูโรง เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตตายายให้มีสุขภาพดี และผ่อนคลายรับอากาศร้อน ด้วยการปรุงอาหารย่อยง่ายให้ท่านรับประทาน หรือปรุงเมนูมื้อพิเศษด้วยกัน เนื่องจากในทุกเทศกาลนั้น อาหารถูกนำมาเชื่อมความสุข ให้กับสมาชิกในครอบครัว หรือการเล่นเกมฝึกสมองกระตุ้นความจำด้วยกัน ก็ช่วยดูแลสุขภาพของท่านได้แบบคูณสอง
The Reporters ได้สอบถามไปยัง “แววตา เอกชาวนา” นักกำหนดอาหารวิชาชีพอิสระ และที่ปรึกษาโครงการกินผักและผลไม้ดีวันละ 400 กรัมจาก สสส.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมเติมความรัก รับวันผู้สูงอายุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ไว้น่าสนใจ ทั้งในรูปแบบของการทำอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยเติมความอบอุ่น และส่งเสริมให้ผู้สูงวัย มีสุขภาพดีและมีส่วนร่วม ในทุกกิจกรรมที่ทำกับลูกๆหลานๆ รวมถึงการเล่นเกมฝึกสมองอย่างง่ายๆ ที่เรียกเสียงหัวเราะ และป้องกันอัลไซเมอร์ ให้กับปู่ย่าตาทวดได้เช่นกัน
แววตา กล่าวว่า “เมื่อไรก็ตามที่มีคำเตือนเกี่ยวกับอากาศร้อนที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น สิ่งแรกที่ลูกหลานควรทำ คือ “การเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศ ให้ท่านได้สวมใส่” เช่น เสื้อผ้าฝ้ายกับผ้าถุงไทย ทั้งนี้ก่อนที่จะพาผู้สูงอายุออกไปเที่ยว หรือไปทำบุญที่วัดนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการดื่มน้ำก่อนเดินทาง และปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน เพราะคนสูงวัยมักจะเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ทั้งนี้หากครอบครัวเป็นห่วงสุขภาพคุณตาคุณยาย จากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ หรือไม่ต้องการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านนั้น”
“กิจกรรมที่สองซึ่งเหมาะกับคนสูงอายุ คือ “การปรุงอาหารย่อยง่าย” เพื่อให้ท่านรับประทาน เช่น ข้าวต้มนิ่มๆที่กินกับกับข้าวนิ่มๆ หรือปรุงอาหารจากผักที่ย่อยง่ายและมีน้ำเยอะ เช่น ฟักแฟง (แกงจืดฟักใส่หมูสับ) หรือ หัวไชเท้า (ต้มจืดหัวไชเท้า) และผัดผักใส่เต้าหู้ไข่ หรือเนื้อสัตว์ส่วนที่ไม่ติดมัน รวมถึงเมนูปลานึ่ง ตามด้วยขนมหวานใส่น้ำแข็ง เช่น เมนูส้มลอยแก้ว ,เฉาก๋วย รวมถึงผลไม้ที่หวานน้อย เช่น แตงโม และควรงดเมนูที่มีส่วนผสมของกะทิ และของทอดของมัน เช่น ไก่ทอด หมูทอด หรือเมนูที่ทำจากหมูกรอบ เพราะผู้สูงอายุไม่ควรกินน้ำมันเกินวันละ 6 ช้อนชา ต่อวัน เพราะอาหารที่ผ่านการทอด หรืออาหารที่มีกะทินั้น จะทำให้ร่างกายทั้งภายใน และภายนอกร้อนตามไปด้วย อีกทั้งย่อยยาก นอกจากนี้ให้เลี่ยงการปรุงเมนูจากอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียงฯลฯ ซึ่งมีโซเดียมสูง ที่เสี่ยงต่อโรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เพราะอย่าลืมว่าการบริโภคอาหารที่ย่อยง่าย ย่อมช่วยลดความหงุดหงิด และยังช่วยคลายร้อนให้กับคุณตาคุณยายไปด้วยในตัว”
นอกจาก “การทำอาหารด้วยกัน” ก็ถือเป็นกิจกรรมที่กระชับความผูกพัน กับผู้สูงอายุได้ดี เพราะทำให้ผู้สูงวัย อยู่ในทุกกิจกรรมที่ทำร่วมกับลูกหลาน โดยให้คุณตาคุณยายเป็นลูกมือ เช่น ช่วยเด็ดผัก ปลอกหอมกระเทียม สำหรับทำเครื่องแกง หรือหากลูกหลานกังวลว่าอาหารที่ทำจะไม่อร่อย ก็ให้ผู้สูงวัยเป็นผู้ที่บอกสูตรอาหารให้ ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ในการใช้อาหาร เพื่อให้ปู่ย่าตายายอยู่พร้อมหน้าลูกหลาน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการรอยคอย อีกทั้งทำให้ท่านรู้สึกภูมิใจ ที่ได้เป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดลับต่างๆไปสู่ลูกหลาน รวมถึงการไปเลือกซื้ออาหาร ในซุปเปอร์มาเก็ตและในตลาด เพื่อช่วยกันคัดเลือกวัตถุดิบ ก็ช่วยทำให้บรรยากาศการเข้าครัว เป็นไปด้วยความสนุกและครื้นเครงมากขึ้น ที่สำคัญยังสามารถปรุงเมนูเติมความอบอุ่น ที่สามารถรับประทานได้ ทั้งเด็กและผู้สูงวัย เช่น “เมนูสปาเก็ตตี้แกงเขียวหวาน” ซึ่งเป็นการสร้างสรรค์เมนูใหม่ และเมนูอาหารไทยอย่างแกงเขียวหวานไว้ด้วยกัน ซึ่งไม่เพียงทำให้ตายายได้ใกล้ชิดเด็กๆ แต่ยังได้กินของอร่อยที่ปรุงร่วมกันอีกด้วย
ขาดไม่ได้สำหรับกิจกรรมกระชับความผูกพัน ที่สามารถสอดแทรกความจำ และป้องกันอัลไซเมอร์ให้คนสูงวัย เช่น “การเล่นเกมบริการสมองด้วยท่าจีบตัว L” เริ่มจาก 1.ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา โดยให้มือขวาทำท่าจีบ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือประกบกับนิ้วชี้ ส่วนนิ้วอื่นๆให้เหยียดออกไป 2.มือซ้ายให้ทำเป็นรูปตัว L โดยให้กางนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ออกไป ส่วนนิ้วที่เหลือให้กำเอาไว้ 3.เปลี่ยนสลับเป็นจีบด้วยมือข้างซ้ายบ้าง ทำเช่นเดียวกับข้อที่ 1.ส่วนมือขวาก็ทำเป็นรูปตัว L เช่นเดียวกับข้อ 2. โดยทำสลับข้างกันจำนวน 10 ครั้ง ทั้งนี้ขณะที่ฝึกท่าบริหารสมองดังกล่าว คุณตาคุณยายอาจทำผิดๆถูกๆ และจะนำมาซึ่งเสียงหัวเราะ ก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายสุขภาพจิต ที่ดีต่อสุขภาพผู้สูงอายุ อีกทั้งลูกหลานก็รู้สึกสนุก ไปด้วยกับกิจกรรมนี้ เนื่องจากต้องคอยจับตาดูว่า ท่านทำผิดท่าหรือไม่ เป็นต้น
หรือ “กิจกรรมนับแบงค์ฝึกความจำ” โดยการที่ลูกหลานให้เงินท่าน แต่ให้ท่านนับเงินว่ามีทั้งหมดเท่าไร ภายในระยะเวลา 1 นาทีที่กำหนด ซึ่งหากนับได้แค่ไหนก็รับเงินไปเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ผู้สูงอายุได้ฝึกการคิดผ่านการนับเลข หรือให้ “คุณตายคุณยายเล่าความหลัง” ว่าตอนเด็กๆลูกหลานแต่ละคนเป็นอย่างไร ก็ช่วยฝึกความจำได้ และทำให้เด็กๆได้รู้ถึงอดีต ของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร และซุกซนแค่ไหน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อบอุ่น และทำให้ผู้สูงอายุได้คุยกับลูกหลาน อีกทั้งคุณตาคุณยายก็อยู่ในทุกกิจกรรม กับสมาชิกในครอบครัว ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนช่วงวันสงกรานต์ ซึ่งคุ้มค่ากับการรอคอย
สำหรับลูกหลานคนไหนที่มีไอเดีย ในการสร้างสรรค์กิจกรรม ในแบบที่ผู้สูงวัยแต่ละคนชอบ เช่น ปู่ย่าตายายบางคนชอบนวด ก็สามารถมาดูแลและบีบนวดท่านได้ ที่ไม่เฉพาะวันสงกรานต์ แต่สามารถทำได้ในทุกๆวัน ที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนท่าน