FEATURE

ปัญหาเด็ก-เยาวชนถูกครอบงำ ทำให้รู้สึกไร้ค่า ไม่มีทางเลือก

การเรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันตัวเอง จากการถูกครอบงำ ทั้งจากผู้ที่อาวุโสกว่า หรือผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า เป็นสิ่งที่เด็กยุคใหม่ รวมถึงคนในครอบครัวไม่ควรมองข้าม เพราะปัญหาที่ตามมาจากการที่เด็กตกเป็นเหยื่อ หรือต้องอยู่ในอาณัติคำสั่ง ของผู้ที่มีอำนาจเหนือตัวเองนั้น ไม่ใช่แค่ได้รับความรุนแรงทางกาย อย่างการให้อดข้าวอดน้ำ การจำกัดเวลาตื่นนอน แต่นั่นอาจสร้างความรุนแรงทางใจ ให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ ทำให้ศูนย์เสียการเคารพ หรือเห็นคุณค่าในตัวเองได้เช่นกัน จนบางรายไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างเป็นปกติ หากไม่มีคนคอยควบคุม

ที่สำคัญในวัยผู้ใหญ่ก็สามารถ ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคน ที่มีอำนาจเหนือตัวเองได้ เช่น กรณีของหมอดูลวงโลก ที่มีพฤติกรรมคล้ายมิจฉาชีพ และหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อ และยอมทำตามคำสั่ง โดยใช้หลักจิตวิทยา เป็นเครื่องมือเพื่อให้เหยื่อยอมทำตาม และยอมย้ายไปพักอยู่อาศัยด้วย และยกข้าวของมีค่าให้ อีกทั้งได้หลอกให้เหยื่อนั้น เลิกติดต่อกับเพื่อน ครอบครัว เนื่องจากเป็นกลุ่มคน ที่จะช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อได้ ทั้งนี้เพื่อคลายข้อสงสัย ที่สังคมมักตั้งคำถามว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่ว่าจะเด็ก หรือผู้ใหญ่หลากหลายวัย ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคน ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างไรนั้น

The Reporters ได้สอบถามไปยัง อิทธิพล พินิจวิชา นักจิตวิทยาคลินิก ให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั้น ตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนที่มีอำนาจเหนือตัวเอง ประกอบด้วย 3 แพทเทิร์น คือ
1.ความทุกข์ใจ เช่น ปัญหาเรื่องเงินทอง ฯลฯ
2.ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวและคนรอบตัว
3.ปัญหาสุขภาพ

ดังนั้นเมื่อบุคคลที่ต้องการควบคุมสามารถจับสัญญาณทั้ง 3 เรื่องนี้ได้ ก็จะเสนอวิธีแก้ไขให้ และในระหว่างนี้ก็วางแผน เพื่อเอาเปรียบผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ได้อย่างไร ที่สำคัญก็จะพยายามตัดช่องทาง ไม่ให้เหยื่อได้รับการช่วยเหลือ เช่น พ่อแม่ เพื่อนที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อได้

“สิ่งที่สำคัญอีกอย่างนั้น การที่บ้านไม่ปลอดภัย หรืออยู่แล้วไม่สบายใจ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ไปรวมกลุ่มกับคนเหล่านี้ กระทั่งทำให้บั่นทอนตัวเองในอนาคต เช่น การที่เด็กถูกครอบงำ จากคนกลุ่มคนที่มีอำนาจเหนือตัวเองนั้น ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นเด็กบางคนตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หรือ เด็กติดยา เมื่อเกิดปัญหาแล้วเด็ก ไม่สามารถที่จะเล่าให้คนในครอบครัวฟังได้ หรือเมื่อเล่าแล้ว กลับถูกผู้ปกครองดุด่า ทำให้ปัญหาของเด็กไม่ได้รับการแก้ไข เด็กจึงไปรวมตัวกลับกลุ่มที่มีพฤติกรรมดังกล่าว”

นักจิตวิทยาคลินิก บอกอีกว่า หากเป็นวัยผู้ใหญ่นั้น มักจะรับมือได้ดีกว่าเด็กที่ตกเป็นเหยื่อ เช่น หากว่ากำลังรู้สึกมีปัญหาในชีวิต หรือกำลังเกิดภาวะเครียดจากเรื่องต่างๆ ผู้ใหญ่หลายคนสามารถขอคำแนะนำ ได้จากเบอร์โทรศัพท์สายด่วน จากหน่วยงานของภาครัฐ เช่น นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก

ถูกครอบงำจากเป็นผู้มีอำนาจเป็นเวลานาน ผู้ตกเป็นเหยื่อ เสี่ยงสูญเสียความมั่นใจ-เห็นคุณค่าในตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ เร่งปรึกษาจิตแพทย์ช่วยสร้างพลังบวก

หากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นเวลานานๆ จากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าตนเอง ยกตัวอย่างเคสหมอดูออนไลน์คนหนึ่ง ที่เป็นผู้ใหญ่นั้น สามารถพบการถูกกระทำรุนแรงทางกาย ที่อาจจะไม่ใช่การทำร้ายร่างกาย เช่น การให้อดข้าว หรือไม่มีอุปกรณ์ หรือข้าวของเครื่องใช้ ที่อำนวยความสะดวก ที่เหมาะกับสุขลักษณะ ให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อใช้ เช่น กรณีมีรอบเดือน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบความรุนแรงทางใจ เช่น การใช้คำพูดที่ไม่ดีหรือไม่เหมาะสม กระทั่งทำให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ รู้สึกไม่มั่นใจและไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง หรือเห็นคุณค่าในตัวเองลดลงไปอย่างมาก ซึ่งพบได้ในผู้ใหญ่และเด็ก เช่นกัน และแม้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากสามารถหลุดออกมาจาก การถูกควบคุมได้แล้ว ก็จำเป็นต้องได้รับความปรึกษาจากจิตแพทย์ เพื่อให้กลุ่มผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้ สามารถสร้างพลังแห่งความมั่นใจให้ตัวเองได้อีกครั้ง และกลับมาใช้ชีวิตได้ดีมากขึ้น แม้ว่าสุขภาพด้านร่างกายจะดีขึ้นแล้วก็ตาม

ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่เด็กหลุดเข้าไปอยู่ ภายใต้การควบคุมของกลุ่มมิจฉาชีพ หรือกลุ่มคนในลักษณะนี้แล้ว อาจทำให้พาตัวเอง ออกมาได้ค่อนข้างยาก เพราะเด็กจะรู้สึกกลัวเมื่อต้องอยู่ต่อ ขณะเดียวกันการที่จะก้าวออกมานั้นก็ค่อนข้างยาก เพราะเด็กจะรู้สึกตัวเองนั้น อาจจะไม่ปลอดภัย หรืออาจถูกทำร้ายจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ บางครั้งอาจต้องรอให้ถึงจุด ที่ตัวเด็กนั้นได้สติ หรือมีใครสักคนที่ช่วยดึงเด็กออกมา ยกตัวอย่างการที่เด็ก โทรศัพท์กลับมาหาพ่อแม่แล้ว สามารถเล่าปัญหาที่ตัวเองเจอ โดยที่พ่อแม่ไม่ดุด่าว่ากล่าว นั่นจึงเป็นสิ่งที่จะทำให้เด็ก กลับคืนสู่ครอบครัวได้อีกครั้ง

อิทธิพล ย้ำว่า ถ้าเมื่อไรที่เด็กโทรศัพท์หาผู้ปกครอง แล้วถูกว่ากล่าว เด็กจะมองบ้านไม่ปลอดภัยสำหรับเขา เด็กก็จะไม่กล้ากลับบ้าน หรือบางรายไม่กล้าโทรหาผู้ปกครองเช่นเดียวกัน

“พ่อแม่ต้องชัดเจนว่า เมื่อลูกทำผิดพลาดในเรื่องต่างๆ และผู้ปกครองพร้อมช่วยเหลือ ก็สามารถช่วยเด็กได้ทางหนึ่ง เพราะนั่นคือคำว่าความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว และดึงเด็กให้กลับสู่ครอบครัวได้อีกครั้ง”

“บ้านปลอดภัย” เทคนิคดึงลูกหลานกลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง เมื่อตกเป็นเหยื่อถูกควบคุม

นักจิตวิทยาคลินิก กล่าวเสริมว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในการป้องกันปัญหานี้ ผู้ปกครองจำเป็นต้องปลูกฝังให้เด็ก เรียนรู้วิธีที่จะทำอย่างไร เพื่อให้ตัวเองปลอดภัย เช่น การปลูกฝังเรื่องการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย หรือรู้ว่าอยู่ในสิ่งแวดล้อมไหนแล้ว ที่เด็กจะไม่ปลอดภัย อีกทั้งรู้ว่าอยู่ร่วมกับคนกลุ่มไหนแล้วถึงจะปลอดภัย ที่สำคัญยังต้องชัดเจนว่าพ่อแม่ สามารถเป็นที่พึ่งให้กับเด็ก หรือพร้อมช่วยเหลือ เมื่อลูกหลานทำผิดพลาด เพราะหากสังเกตให้ดีนั้น เช่น กรณีเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่มีอำนวจเหนือกว่าตน และไม่สามารถกลับสู่ครอบครัวได้ นั่นอาจมาจากการทะเลาะเบาะแว้งกันของคนในครอบครัว กระทั่งทำให้กลายเป็นเหยื่อ

อีกทั้งเมื่อมิจฉาชีพรู้จุดอ่อนดังกล่าว ก็จะยิ่งข่มขู่เด็ก รวมถึงใช้วิธีดังกล่าวควบคุม เหยื่อทุกเพศทุกวัยเช่นเดียวกัน นั่นจึงทำให้ทั้งตัวเด็กและผู้ใหญ่ที่เป็นเหยื่อ ออกมาจากจุดนั้นได้ยาก ดังนั้นจึงย้อนกลับไปที่เรื่อง ของ “การทำบ้านให้ปลอดภัย” เช่นเดียวกัน ควบคู่กับการสอนวิธีการอยู่ในสังคม และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย ให้กับเด็ก เพื่อเป็นเกราะป้องกันปัญหาดังกล่าว เมื่อเด็กโตขึ้น

“นอกจากการทำบ้านให้ปลอดภัยแล้ว การที่พ่อแม่ยกความดีของลูกๆ เพื่อปลูกฝังเรื่องการเห็นคุณค่าของตัวเอง ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การที่ลูกเรียนไม่เก่ง แต่ก็เล่นดนตรีเก่ง เป็นต้น หรือ ลูกๆเป็นเด็กที่มีทักษะ ด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น นั่นหมายความว่า แม้เด็กจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่เมื่อโตขึ้นเด็กกลุ่มนี้ มีแนวโน้มที่จะสามารถเติบโต เป็นผู้บริหารองค์กรได้ จากการที่เป็นนักสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น ซึ่งวิธีนี้เป็นการชี้ให้เด็ก เห็นถึงอนาคตของตัวเองได้อีกเช่นกัน”

อิทธิพล ทิ้งท้ายว่า แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว สามารถพบเห็นและเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ ในสังคมไทย และยังสะท้อนให้เห็น เกี่ยวกับการบกพร่องทางใจ ของผู้ที่ไปครอบงำผู้อื่น เช่น การที่ถูกเลี้ยงดูจากครอบครัวที่มีปัญหาสุขภาพจิต ดังนั้นเมื่อโตขึ้นจึงกลายเป็นมิจฉาชีพเสียเอง ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือการสร้างเกาะป้องกันให้กับเด็ก อย่าง “บ้านปลอดภัย” ที่ไม่เพียงแค่พ่อแม่จะต้องเป็นที่พึ่งให้ลูกหลานในทุกเรื่อง และเลี้ยงดูลูกด้วยความรักความอบอุ่นแล้ว แต่เมื่อเด็กทำดีผู้ปกครองก็ควรมีคำชม ขณะเดียวกันเมื่อเด็กทำผิดผลาด ก็ต้องไม่ทับถมเช่นเดียวกัน

Related Posts

Send this to a friend