FEATURE

ตั้งเป้าชีวิตปีเถาะ เน้น หวังพอประมาณ ตามโลกให้ทันอยู่ให้เป็น บนสังคมดิจิตอล

เปลี่ยนตัวเลขบนปฏิทิน ก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เริ่มต้นกันที่การตั้งเป้าหมายชีวิตในปีนี้ให้ดีกว่าเดิม แต่เพิ่มเติมคือต้องอยู่บนพื้นฐาน ของความหวังที่พอประมาณ และพอดี เพราะหากมองย้อนกลับไปปีเก่า เชื่อว่าหลายคนนั้นอาจ ทำสิ่งที่ไม่ดีหลายอย่างต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ ปีใหม่นี้จึงถือเป็นฤกษ์ดี ที่ทุกคนควรหันกลับมาตระหนัก เกี่ยวกับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม และรู้จักตั้งปณิธานชีวิตรับปีใหม่ เพื่อให้ทุกคนเป็นคนใหม่ มองโลกแบบใหม่ ที่เข้าใจตัวเองและผู้อื่น เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

 “อ.ไพฑูรย์ ปานประชา” ข้าราชการบำนาญ และนักวิชาการวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้ข้อมูลกับ The Reporters เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการเปลี่ยนแปลงตัวเองรับปีใหม่ ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อถ่ายทอดสิ่งดีๆเหล่านั้นไปสู่คนรอบข้าง ให้มีความสุขตลอดปีใหม่นี้ เพราะเชื่อว่าหลายคน เคยตั้งเป้าหมายชีวิต แต่ก็ไม่บรรลุในสิ่งที่คิดไว้ เพราะขาดความรอบคอบในหลายๆจุด พร้อมกันนี้ได้บอกข้อดีของการตั้งปณิธาน หรือตั้งเป้าหมายชีวิตไว้น่าสนใจ

อ.ไพฑูรย์ ให้ข้อมูลว่า “เอาตามหลักพุทธศาสนา ถ้าเรามองย้อนกลับไปประเมินตัวเอง ก็จะพบว่าอะไรก็ตามที่ก่อความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ที่ร้ายกว่านั้นคืออะไรที่ไม่ดี เช่น คำพูดที่ไม่ไพเราะ การกระทำที่ไปรบกวนผู้อื่น จิตใจที่คิดร้ายกับคนรอบข้าง สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง ส่วนอะไรที่ดีๆก็ควรรักษาเอาไว้ โดยให้สังเกตว่าสิ่งที่เราทำนั้น ทำให้รู้มีความสุข ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำ คำพูด หรือความคิด นอกจากนี้สิ่งไหนที่ดีๆ และคิดว่าควรจะทำต่อไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ดีกว่าเดิม แต่ทั้งนี้เป้าหมายที่เราวางเอาไว้ จะต้องไม่เกินความเป็นจริง แต่ต้องดูให้เหมาะสมและสอดคล้อง กับสิ่งแวดล้อมรอบด้าน ทั้งเรื่องของการเงิน เศรษฐกิจ โอกาส รวมถึงรายได้ของเรา ที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบผู้อื่น เช่น ปัจจุบันคนกำลังพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นถ้าเราขาดการพินิจวิเคราะห์ เราก็จะออกรถยนต์ไฟฟ้าตามเพื่อน โดยที่ยังไม่ได้ศึกษาให้รอบคอบ เกี่ยวกับจุดแข็งจุดอ่อน ของการขับรถยนต์ชนิดดังกล่าว ทำให้เกิดความติดขัด หรือไม่สะดวกในการใช้รถยนต์ดังกล่าว เช่น รถดับ หรือสตาร์ทไม่ติด เป็นต้น

“ดังนั้นการตั้งหมายชีวิต ในเรื่องต่างๆที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง จึงเป็นสิ่งที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ง่ายขึ้น และเมื่อฝันที่เราตั้งเป้าไว้ เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริง หรืออยู่ในปัจจุบันมากที่สุด เราก็ต้องพยายามทำต่อไปให้ได้ เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 5 ปีจะมีบ้าน หรืออีก 3 ปีจะมีรถยนต์ เราก็ต้องกลับมาคิดว่า ทำอย่างไรเราจึงจะมีบ้าน และรถยนต์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ เช่น เราต้องมีรายได้เสริม หรือตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป หรือเลือกลงทุนรูปแบบที่เราถนัดและมีความรู้ ที่สำคัญเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เมื่อนั้นเราก็จะเดินไปสู่จุดหมาย ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ตั้งเป้าหมายที่สูงเกินไป และก็ต้องไม่ประเมินตัวเองต่ำมากเกินไปเช่นกัน เพราะจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้ ดังนั้นจงอยู่กับความเป็นจริงให้มากที่สุด บวกกับการดูศักยภาพของตัวเรา ว่าจะทำในสิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้แค่ไหน ที่สำคัญเป้าหมายของเราต้องสอดคล้อง กับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป”

ปรับตัวให้ทันสังคมดิจิทัล ช่วยคนยุค 5G เดินสู่ฝันที่ตั้งเป้าไว้เร็วขึ้น

“ปัจจุบันบ้านเราเป็นสังคมดิจิตอลและเทคโนโลยี ไม่ใช่สังคมเกษตรแบบเดิมอีกต่อไป ดังนั้นเราจะเห็นคนอายุน้อยในปัจจุบัน สามารถประสบความเร็จในชีวิต พูดง่ายๆว่าสามารถที่จะหาเงินทองได้ง่ายจนกระทั่งร่ำรวย หรือสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ตั้งแต่วัย 20 ปี จากการโพสต์ขายของในโลกออนไลน์ หรือในโซเชียล ที่มีคนเข้าไปกดติดตามมากกว่า 1,000 ราย ซึ่งตรงนี้เป็นโอกาสที่ทำให้คนอายุน้อย สามารถขายของได้มากกว่าเดิม หรือมากกว่าคนยุคก่อน ดังนั้นเราจำเป็นต้องตามโลกให้ทัน เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงคนรุ่นพ่อแม่ ก็ต้องรู้จักปรับตัวตาม เพราะในอนาคตนั้นเราอาจต้องพึ่งพาระบบ “อินเตอร์เน็ตออฟติง” หรือทุกอย่างเชื่อมโยงกับโลกอินเตอร์เน็ต เช่น ดูกล้องผ่านโทรศัพท์มือถือ เปิดทีวี ตู้เย็น แอร์ ผ่านมือถือ ดังนั้นคนรุ่นเก่าจึงต้องเรียนรู้ เตรียมใจเพื่อที่จะปรับตามให้ทันกับเทคโนโลยีที่เข้ามาในชีวิต หรือแม้แต่ภัยจากการถูกหลอกในโลกออนไลน์ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคต้องระวัง แต่ไม่จำเป็นต้องเครียดมากเกินไป”

บทเรียนที่ประสบด้วยตัวเอง สอนคนรุ่นใหม่เรียนรู้ชีวิต

“คนอายุน้อยมักขาดประสบการณ์ และมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และยิ่งเมื่อเขาประสบความสำเร็จเร็ว หรือรวยเร็ว มีชื่อเสียงมีเงินทองมากมาย เขาก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเองสูงเช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่จะสอนเขาได้ดีที่สุด คือบทเรียนที่เขาประสบด้วยตัวเอง เช่น การพลาด หรือการล้มละลายจากการทำธุรกิจก็ดี หรือทำสิ่งต่างๆแล้วประสบความล้มเหลว เช่น ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์แล้วเจ๋ง หรือ พลาดท่าไปลงทุนระบบแชร์ลูกโซ่ต่างๆ ทำให้ต้องสูญเสียเงินทอง เมื่อไรที่เขาเจ็บบทเรียนเหล่านี้ จะสอนให้เขารู้จักระมัดระวังตัวเองมากขึ้น หรือรู้จักยับยั้งชั่งใจได้โดยอัตโนมัติ และสามารถที่ถ่ายทอดบทเรียน จากความผิดผลาด หรือการตัดสินใจที่ขาดการยั่งคิด ไปสู่ผู้อื่นได้ดี ส่วนเหตุผลที่ทำให้เด็กยุคใหม่ มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง และมักจะไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่นั้น เกิดจากการที่เด็กพึ่งพาผู้ใหญ่น้อยลง ยกเว้นเรื่องเงินทอง เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆจากในโรงเรียน อินเตอร์เน็ต เพื่อน ซึ่งต่างจากเด็กยุคสังคมเกษตร ที่เด็กต้องพึ่งพ่อแม่ทุกอย่าง ดังนั้นจึงอยากฝากให้เด็กยุคใหม่ ฟังคนอื่นบ้าง และจงดูบทเรียนของผู้อื่น มาเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง ไม่ให้หลงทำผิด หรือเดินทางผิด กระทั่งมั่นใจในสิ่งที่อาจ ทำให้เกิดความเสียหายในภายหลังได้ ”

สร้างภูมิคุ้มกันชีวิต ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “3 ห่วง 2 เงื่อนไข” ของในหลวง ร.9

การตั้งเป้าหมายชีวิตในปีหน้า เรื่องที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ หลังฟื้นตัวจากโควิด-19 โดยในปีหน้าทั้งในและต่างจังหวัด อาจต้องประสบกับปัญหา ข้าวของแพงมากขึ้น ส่วนรายได้นั้นอาจจะลดลง ดังนั้นทุกคนจะต้องประหยัด ในการใช้จ่ายทุกอย่าง และอาจต้องรียูสใช้ของเก่า พูดง่ายๆว่าต้องประหยัดมากขึ้น ดังนั้นการดำเนินชีวิตต้องสอดคล้อง กับสภาพแวดล้อม บนพื้นฐานของความพอเพียง ที่ถือว่าเป็นภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9. อย่าง “ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข” เช่นถ้าพูดถึงปรัชญาเศรษฐกิจฯ “3 ห่วง” คือ 1.การพอประมาณอยู่ในกรอบของรายได้ 2.มีเหตุผล และอย่าเอาอารมณ์เป็นตัวนำความอยาก และอย่าตามเพื่อน 3.รู้จักการการวางแผนสำรองในเรื่องต่างๆ ส่วนปรัชญาเศรษฐกิจฯ “ 2 เงื่อนไข” คือ 1.มีความรู้ในเรื่องนั้นๆเป็นอย่างดี เพราะคนที่มีความรู้ในเรื่องต่างๆ มักจะเป็นคนที่มีเหตุผล และใช้เหตุผลในการตัดสินใจ 2.ต้องมีคุณธรรม เพราะคุณธรรมจะทำให้คนรู้จักการประมาณตน และรู้จักผิดชอบชั่วดีและไม่เอาเปรียบผู้อื่น”

ตั้งเป้าหมายชีวิต เข็มทิศกำหนดความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

“ข้อดีของการรู้จักตั้งเป้าหมายชีวิต จะช่วยทำให้มีทิศทางในการใช้ชีวิต โดยที่ปราศจากความแคว้งคว้าง และช่วยให้เรามีกำลังใจ ไม่ว่าจะเลือกเดินไปในทิศทางไหน หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเราก็ตาม ที่สำคัญต้องไม่อาลัยอาวรณ์กับอดีตที่ผ่านมาแล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องไม่เฟ้อฝัน กับอนาคตมากจนเกินไป เพียงแต่ต้องรู้จักการตั้งเป้าหมายในชีวิต และทำวันนี้ให้ดีที่สุด และเมื่อเริ่มลงมือทำสิ่งที่ตั้งไว้ได้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ก็ขอให้พยายามทำต่อไป ที่สำคัญถ้าวันนี้เรายังไปไม่ถึงฝันที่วาดเอาไว้ เช่น การที่เราตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีนั้นจะซื้อรถยนต์ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังไม่สามารถเก็บเงินซื้อรถยนต์ได้ครบกำหนด ก็ขอให้คิดว่าในระหว่างทาง ที่เราเก็บออมเงินนั้น เราได้อะไรบ้าง เช่น อย่างน้อยๆเราก็มีเงินเก็บตั้ง 2 แสนบาท ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้อะไรเลย เพียงไม่บรรลุในสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ ในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องพยามเก็บเงินต่อไปอีก จนกระทั่งครบตามจำนวน ที่จะทำให้เราสามารถซื้อรถยนต์ใหม่ได้ เป็นต้น เพราะถ้าเราไม่ต้องเป้าหมายชีวิต ทุกอย่างก็จะดำเนินไปอย่างไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง นั่นจะทำให้ชีวิตเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ไม่มีระเบียบแบบแผนที่ดี

Related Posts

Send this to a friend