ฝึกการจ่ายหนี้แบบเต็มจำนวน ใช้บัตรเครดิตเพื่อสะสมแต้มแลกของ แทนการสะสมหนี้
สร้างความตกใจให้กับสังคมอยู่ไม่น้อย สำหรับหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ของคนเจน Y บางคน ที่อยู่ในช่วงอายุ 25-42 ปี ที่ถือว่าเป็นช่วงวัยทำงาน และมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่ายค่อนข้างสูง โดยการรูดบัตรเครดิตเพื่อซื้อสินค้าที่ต้องการ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเจน Y บางราย มีหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่าช่วงวัยอื่นๆโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการตกหลุมพราง ของโปรโมชั่นสินค้าต่างๆ รวมถึงบัตรเครดิตที่มีการลดแลกแจกแถมเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญคนช่วงวัยนี้เติบโตพร้อมกับเทคโนโลยี ทำให้มีความรู้ทางด้านไอที และความรู้ทางด้านการเงิน หรือแม้แต่ลงทุนในโลกดิจิทัลต่างเป็นอย่างดี จึงมีความกล้าใช้เงินอย่างอิสระ เพื่อให้เกิดความบาลานซ์ในการใช้ชีวิต และเป็นวัยที่ให้ความสำคัญ กับการเป็นเจ้าของธุรกิจ มากกว่าการทำงานประจำ ประกอบกอบโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจนั้นได้รับผลกระทบ เช่น ไม่สามารถขายของได้ จึงนำมาซึ่งการเป็นหนี้ การจากรูดบัตรเครดิตซื้อสินค้า ในกลุ่มธุรกิจที่บางรายเป็นเจ้าของกิจการ เป็นต้น เพื่อร่วมกันหาทางออกเรื่องนี้ และให้คำแนะนำคนเจน Y ที่กำลังจะเริ่มใช้บัตรเครดิตหน้าใหม่ มีข้อมูลในการจับจ่ายอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันการเป็นหนี้ครัวเรือน ตั้งแต่อายุยังน้อย
The Reporters ได้สอบถามไปยัง “ผศ.ดร.ธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ” นักกลยุทธ์ด้านการตลาด ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกัน ปัญหาหนี้ครัวในกลุ่มคนวัยทำงาน ที่คิดจะทำบัตรเครดิตสักใบไว้จับจ่าย โดยไม่ต้องเป็นเหยื่อของโปรโมชั่นล่อใจ หรือแม้แต่การผ่อนสินค้า 0% ที่มีดอกเบี้ยบัตรเครดิตอยู่ รวมถึงการรูดบัตรเครดิต และฝึกจ่ายแบบเต็มจำนวน ก็จะทำให้คนวัยนี้ไม่เป็นหนี้พอกพูนก่อนวัยอันควร ที่อาจส่งผลกระทบทางด้านการเงิน เมื่อเข้าสู่วัยเกษียณก็เป็นได้
ผศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าวว่า “ ปัจจุบันคนเจน Y หรือช่วงอายุ 25-42 ปี เป็นช่วงอายุที่พบได้อันดับต้นๆในสังคมไทย และคิดเป็นสัดส่วนประชากร 1 ใน 3 ของโลก ถ้าเทียบกับวัยอื่นๆ ที่สำคัญคนวัยนี้เป็นวัยทำงาน ที่เติบโตมาในยุคของไอทีและเทคโนโลยี จึงมีความเก่งเทคโนโลยี นั่นจึงทำให้มีการสตาร์ทเงินเดือนในอัตราที่ค่อนข้างสูง จึงมีกำลังทรัพย์ในการจับจ่าย จึงทำให้คนเจน Y บางคนใช้เงินเกินตัว หรือหลงไหลกับโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม หรือแม้แต่บัตรเครดิตเองก็ตาม เช่น บัตรเครดิตบางแห่งนั้น ถ้าสมัครวันนี้แถมฟรีกระเป๋าเดินทาง ซึ่งบางครั้งคนวัยนี้ไม่ได้ต้องการทำบัตรเครดิต แต่อยากได้กระเป๋าเดินทางมากกว่า เป็นต้น นั่นจึงถือได้ว่าเป็น “พฤติกรรมเผอเรอในการจับจ่ายเงินเกินตัว” แบบเฉพาะบุคคล ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทุกคน ที่สำคัญคนกลุ่มนี้มีความรอบรู้ทางด้านการเงิน เช่น การลงทุนบิตคอยน์ต่างๆ ที่มีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาร่วมด้วย จึงทำให้มีการขนาดนามคนวัยนี้ว่า อายุน้อยร้อยล้าน เป็นต้น เนื่องจากเป็นวัยที่ต้องการ การเติบโตแบบก้าวกระโดด เช่น อยากเป็นผู้ประกอบการ ดังนั้นจึงไม่กลัวหนี้ ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมานั้น จึงหลอมรวมเป็นสิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรม “Buy Now Pay Later (BNPL) หรือซื้อก่อนจ่ายทีหลังนั่นเอง”
แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนคนเจน Y ทำอย่างไร?
“การที่จะทำให้คนกลุ่มนี้ ที่บางรายเป็นหนี้ครัวเรือน ยอมที่จะปรับเปลี่ยนการใช้เงิน เพื่อนำมาสู่การจัดระบบการเงินให้ดีขึ้นนั้น 1.คนเจน Y จะต้องยอมรับ เรื่องการไม่ก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เราสามารถที่จะลดละเลิกได้หรือไม่ โดยเฉพาะการไม่หลงไหลไปกับโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมต่างๆ เพราะจะนำมาซึ่งการก่อหนี้โดยไม่จำเป็น 2.เมื่อมีหนี้สินและทันทีที่เงินออกสิ้นเดือน ให้รีบเคลียร์หนี้ให้หมด ซึ่งอันที่จริงแล้วการซื้อก่อนและจ่ายทีหลังไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ว่าคนวัยนี้จะต้อง “ฝึกการจ่ายหนี้แบบเต็มจำนวน” หมายความว่าถ้าเราใช้บัตรเครดิตรูดเงินออกมา 1 หมื่นบาท ก็แนะนำให้จ่ายหนี้เลยทั้งหมด 1 หมื่นบาท ซึ่งนั่นจะทำให้เรารู้ว่ายังมีวงเงินเหลือในบัตรเครดิตเท่าไร จึงทำให้เราไม่กล้ารูดเงินเพิ่ม เนื่องจากเสียดายเงิน”
“แต่ถ้ารูดเงินจากบัตรเครดิตอออกมา 1 หมื่นบาท และจ่ายหนี้แบบผ่อน 10 งวด ซึ่งคิดเป็นงวดละ 1,000 บาท เราจะเหลือเงินในบัตรเครดิตอีก 9,000 บาท ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกว่าเรามีเงินเหลือในบัตรเครดิต เมื่อนั้นเราก็จะรูดเงินที่เหลือ ซื้อของแบบฟุ่มเฟือย และนั่นจึงทำให้รูดเงินจากบัตรเครดิต มากขึ้นเรื่อยๆโดยที่เราไม่รู้ตัว เพราะคิดว่ายังวงเงินเหลืออีกจำนวนมาก หลังจากผ่อนชำระหนี้รายเดือนไปแล้ว สุดท้ายจึงพอกพูนเป็นหนี้สะสมมากขึ้น พูดง่ายๆว่าถ้าเรารูดเงินจากบัตรเครดิตและไม่ผ่อนชำระ แต่ฝึกจ่ายหนี้แบบเต็มจำนวน บัตรเครดิตก็จะเก็บดอกเบี้ยกับเราไม่ได้ และปัจจุบันการที่คนวัยนี้ มีอำนาจต่อรองบัตรเครดิต ให้ยกค่าธรรมเนียมรายปี ก็นำมาสู่พฤติกรรม “ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง” เช่นเดียวกัน
3.แนะนำให้ใช้บัตรเครดิตเป็นการสะสมแต้ม ไม่ใช่การสะสมหนี้ หมายความว่าเวลาที่เรารูดบัตรเครดิต ก็ให้นำแต้มที่ได้จากรูดบัตรไปแลกของ เช่น แลกตั๋วเครื่องบิน แลกที่พักในโรงแรม เป็นต้น ทั้งนี้การจะได้แต้มในบัตรเครดิตนั้นมีหลายวิธี เช่น มาจากจ่ายบัตรเครดิตแทนเงินสด ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีคะแนนในบัตรเครดิต หรือแต้มสะสมในบัตรเครดิต เพื่อไปแลกซื้อของหรือส่วนลดต่างๆ นั่นเอง
การเก็บออมเงินเป็นหัวใจสำคัญของคนวัยทำงานเจน Y
สมุมติว่าคนคนเจน Y นั้นได้เงินเดือน 3 หมื่นบาท แต่รูดบัตรเครดิตไปแล้ว 2 หมื่นบาท ทำให้ยังเหลือเงินอีก 1 หมื่นบาท แนะนำว่าให้เก็บออมเงินเดือนละ 1,000 -2,000 บาท โดยให้เก็บสะสมไว้ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงนี้จะทำให้มีกำลังใจ เช่น ถ้าเราเก็บเงินเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน เราก็จะมีเงินฝาก 1 หมื่นบาทแล้ว ทั้งนี้หากคนเจน Y สามารถทำตามได้อย่างนี้ ก็จะทำให้เรามีเงินออม ไม่มีหนี้หรือหนี้สินน้อยลง และยังสามารถสะสมแต้ม จากการรูดบัตรเครดิต เพื่อนำแลกสิ่งของได้ ก็จะสอดคล้องกับความฝันของคนกลุ่มนี้ที่ว่า 1.เป็นผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน และมีอิสระในการใช้เงิน 2.ใช้ชีวิตแบบบาลานซ์ คือทำงานด้วยและท่องเที่ยวไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นคนเจน Y บางคน อาจจะเป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย และจะส่งผลต่อวัยเกษียณ หรือมีหนี้พอกไม่หยุดหย่อน
คนวัยทำงานเจน Y เป็นหนี้เพราะความจำเป็น (บ้าน,รถยนต์) เลือกอย่างไรจึงจะเหมาะ?
สำหรับคนเจน Y ที่ซื้อบ้านซื้อคอนโดมิเนียมหรือซื้อรถยนต์นั้น ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอันที่จริงที่อยู่อาศัยกับรถยนต์ก็จำเป็น ที่สำคัญการซื้อก่อนและจ่ายที่หลัง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเช่นกัน เพียงแต่ว่าเราต้องบริหารจัดการเงินให้เป็น เพื่อไม่ให้ก่อหนี้สินจนเกินตัวหรือมีหนี้พัวพัน เช่น การที่เราซื้อบ้านแล้วและยังใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยด้านอื่นๆอีก ส่วนหนึ่งความเพลิดเพลิน และการหลงไหลโปรโมชั่นสินค้า ในขณะที่หนี้ที่ต้องผ่อนชำระบ้านก็ยังคงอยู่ กระทั่งสุดท้ายต้องไปขอพักชำระหนี้ หรือเลื่อนเวลาชำระหนี้กับธนาคารออกไป ซึ่งอันที่จริงแล้วการพักชำระหนี้ ไม่ใช่การลดจำนวนหนี้ เช่น การขอพักชำระหนี้ออกไป 3 เดือน แต่เวลาครบกำหนด เราจะต้องจ่ายครั้งเดียวเป็นเงิน 3 เดือนพร้อมดอกเบี้ย
แต่เมื่อไรที่คน เจน Y จ่ายหนี้ตามกำหนดทุกเดือน หนี้ก็จะหมดเร็วขึ้น และไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยจากการขอพักชำระหนี้ ดังนั้นหากต้องการผ่อนชำระบ้านหรือรถยนต์ ก็อาจจำเป็นต้องตัดรายจ่ายส่วนที่ฟุ่มเฟือยออกไป หรือหากคนเจน Y ซื้อคอนโดมีเนียมที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ก็อาจจะต้องตัดการซื้อรถยนต์ออกไป หรือถ้าบางคนมีบ้านอยู่แล้ว แต่กำลังคิดว่าจะซื้อรถยนต์ ก็ต้องคิดก่อนว่ามันคุ้มค่ากับการผ่อนชำระรายเดือน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน และต้องรับมือกับรถติดได้หรือไม่ หรืออาจะเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแทนการซื้อรถยนต์ ที่สะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทางหรือไม่ หรือแม้แต่การผ่อนสินค้าแบบ 0% ก็ทำให้คนเจน Y ต้องเสียดอกเบี้ยให้กับบัตรเครดิตที่รูด ดังนั้นคนเจน Y ที่กำลังคิดจะใช้บัตรเครดิต ก็ต้องมองอย่างรอบคอบและรอบด้าน เพื่อไม่ให้เป็นหนี้และใช้จ่ายเกินตัวครับ