“ทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู” ปักหลักหน้า UN รอพบพลเอกประวิตร
หาทางออกมาตรา 57 คุ้มครองสัตว์น้ำวัยอ่อน ปลาทู-ปูม้า มองรัฐแก้ปัญหาแบบขอไปที ประมงพื้นบ้านเข้าไม่ถึงทรัพยากร
วันนี้ (27 ก.ย.65) เมื่อเวลา 15.00 น. กลุ่มทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู เคลื่อนขบวนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 30 ก.ย.นี้
นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย กล่าวกับ The Reporters ว่า กลุ่มมีหนังสือนัดล่วงหน้าขอเข้าพบพลเอกประวิตร ประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล
หากได้เข้าพบพลเอกประวิตร กลุ่มทวงสัญญาน้ำพริกปลาทูต้องการพูดคุย 3 ประเด็น ประเด็นแรกคือ มาตรการคุ้มครองสัตว์น้ำวัยอ่อน 2 ชนิด ได้แก่ ปลาทู และปูม้า ประเด็นที่สองคือ มาตรา 71 (2) ของพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2558 ว่าด้วยการกำหนดร้อยละของสัตว์น้ำขนาดเล็ก ประเด็นที่สามคือ การจับสัตว์น้ำด้วยระบบโควตาที่ยังไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามหากพลเอกประวิตร ไม่ให้เข้าพบปลายปีนี้สมาคมสมาพันธ์การประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย อาจจะจัดประชุมสมัชชาสมัยพิเศษ เพื่อหาตัวแทนชาวประมงจาก 66 องค์กร 19 จังหวัด มาพูดคุยกับรัฐบาล
ที่ผ่านมารัฐแก้ปัญหาแบบขอไปที เช่น การแก้ไขขนาดของอวนลาก การเพิ่มฤดูการปิดอ่าว แต่เหมือนการปิดฝาตุ่ม ไม่ได้คุ้มครองอย่างต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์ไม่ดีขึ้น สังคมที่ขาดความเท่าเทียมกันทางทรัพยากร สิ่งที่กลุ่มทวงสัญญาน้ำพริกปลาทูทำวันนี้ ไม่ใช่เพื่ออาชีพ แต่คือความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันรัฐปล่อยให้คนมีทุนใช้อวนลาก ส่วนคนตัวเล็กตัวน้อยต้องใช้มืองม
นายปิยะ ยืนยันว่า กลุ่มทวงคืนน้ำพริกปลาทู ไม่ใช่ม็อบการเมือง เป็นม็อบที่ต้องการให้รัฐมนตรีปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ บังคับใช้มาตรา 57 ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.2558 คุ้มครองสัตว์น้ำวัยอ่อน เป้าหมายของกลุ่มคือ การเดินเข้าไปใกล้ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 ก.ย.65 ซึ่งจะมีวาระกำหนดขนาดพันธุ์สัตว์น้ำด้วย
“ลำบากพอสมควร แต่เราเดือดร้อน จับสัตว์น้ำได้น้อยลง ประมงขนาดเล็กเข้าไม่ถึงทรัพยากรสัตว์น้ำ กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของผู้บริโภค เพราะอาหารทะเลแพงขึ้นทุกปี”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มทวงสัญญาน้ำพริกปลาทู ได้ปักหลักอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พื้นที่ตั้งแต่แยกมัฆวาน-แยกสวนมิสกวัน-ทำเนียบรัฐบาล เป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่สามารถเคลื่อนขบวนไปได้ จากนั้นเวลา 17.00 น.นายฉลองกรุง ภคกุล หัวหน้าฝ่ายประสานงานมวลชน 2 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนในการเจรจา โดยระบุว่า ขณะนี้พลเอกประวิตรทราบเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการประสานขอวัน เวลาเข้าพบ
นายปิยะ ในนามสมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเล โดยระบุว่า ตั้งแต่ปี 2554 ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้ 2 ล้านล้านกิโลกรัมต่อปี คิดเป็นมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันสัตว์น้ำวัยอ่อน 1 ใน 3 หรือ 4 แสนกิโลกรัมต่อปีถูกทำลายจากการประมงอวนลากคู่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมหาศาล ทั้งหมดเป็นการทำลายเศรษฐกิจ ทำลายอาชีพประมงพื้นบ้าน ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะต้องนำเรื่องราวร้องทุกข์ของชาวประมงพื้นบ้านไปแจ้งต่อพลเอกประวิตร เพราะเป็นสิ่งที่กรมประมงไม่เคยรายงาน
“เรากลับบ้านก็เจอแต่ความยากจน ไม่มีปลาให้จับ ไม่มีสัตว์น้ำให้กิน จึงต้องเข้าพบพลเอกประวิตร ไปบอกในสิ่งที่ประมงพาณิชย์ไม่เคยพูด”
โดยคืนนี้กลุ่มทวงสัญญาน้ำพริกปลาทูจะขอปักหลักค้างคืนอยู่ที่หน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) ก่อนที่จะเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้