ครบ 9 ปี เหตุน้ำมันรั่วทะเลระยอง ชาวประมง เชื่อเหตุรั่วซ้ำต้นปี 65 รุนแรงและกระทบยาว นานกว่า
ครบ 9 ปี เหตุน้ำมันรั่วกลางทะเลระยอง ชาวประมงเชื่อเหตุรั่วซ้ำต้นปี 65 รุนแรงและกระทบยาวนานกว่า นักวิชาการอยากเห็นแผนรับมือที่ไม่กระทบห่วงโซ่อาหาร ดูดน้ำมันจากผิวน้ำแทนการฉีดสารให้น้ำมันจมลงก้นทะเล
วันนี้ (27 ก.ค. 65) ครบรอบ 9 ปี เหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลที่อ่าวระยอง สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศในทะเลและการใช้ชีวิตของประชาชนที่ผูกพันอยู่กับท้องทะเลในจังหวัดระยอง ซ้ำร้ายเกิดเหตุน้ำมันรั่วซ้ำอีกในจุดเดิม เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ชาวประมงสะท้อนความเห็นว่าเหมือนกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ หลังทะเลเพิ่งฟื้นตัวเมื่อช่วงปี 2563 มีสัตว์ทะเลกลับมาให้บริโภคในปริมาณที่มากขึ้นแต่ในปัจจุบันสามารถจับสัตว์น้ำในปริมาณที่ลดลงไปกว่า 10 เท่าตัว
วัชระ บริบูรณ์ ชาวประมงพื้นบ้าน หาดสวนสนบ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง เผยกับ The Reporters ว่าความเสียหายจากน้ำมันรั่วครั้งล่าสุด เดือนมกราคมที่ผ่านมา เสียหายหนักกว่าครั้งเมื่อปี 2556 เพราะมีปริมาณสารกระจายน้ำมันในปริมาณมาก อ่าวระยองเป็นทะเลที่น้ำวน สารพิษก็ไหลไปทั่ว ทำให้ชาวประมงจับสัตว์น้ำได้น้อยลงกว่า 10 เท่าตัว หลังจากเพิ่งดีใจที่ทะเลเริ่มฟื้นตัวเมื่อปี 2563 ได้เพียง 1-2 ปี
ดร.อาภา หวังเกียรติ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า ในระยะ 9 ปีที่ผ่านมายังมองเห็นข้อบกพร่องคือเรื่องการจัดการปัญหาน้ำมันรั่วที่ไม่มีความพร้อม และการเยียวยาแก้ไขผลกระทบให้ประชาชน เมื่อมีน้ำมันรั่วย่อมกระทบต่อสัตว์น้ำในอ่าวระยองซึ่งส่งผลเป็นเวลาหลายปี ชาวบ้านใช้ตัว ‘เคย’ เป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์เพราะเป็นตัวเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารในทะเล เมื่อผ่านไปนาน 9 ปีพบว่าเริ่มมี เคย ในอ่าวแต่หายไปอีกครั้งหลังน้ำมันรั่วเมื่อต้นปี 65
นอกจากนั้น ดร.อาภา ยังมองว่า ผ่านมา 9 ปี เอกชนยังใช้วิธีพ่นสารกระจายน้ำมันให้น้ำมันตกไปที่ก้นทะเล ซึ่งกระทบกับสัตว์น้ำวัยอ่อนที่เป็นจุดเริ่มต้นของห่วงโซ่อาหารให้เกิดอาการช็อค และยังเป็นสารตกค้างในทะเลกว่าแสนลิตร แทนทีจะใช้วิธีการเอาทุ่นล้อมแล้วใช้เรือดูดน้ำมันจากผิวน้ำที่เป็นวิธีการที่ดีที่สุด
เรื่อง : ทศ ลิ้มสดใส
ภาพ : พุฒิพงศ์ ธัญญพันธุ์
