ENVIRONMENT

ร้อง กสม.EIA โครงการผันน้ำยวมขาดการมีส่วนร่วมแท้จริง-ละเมิดสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (20 ก.ย. 64) นายสะท้าน ชีววิชัยพงศ์ ผู้ประสานงาน เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน เปิดเผยว่าได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม กรณีโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม–อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ของกรมชลประทาน หรือเรียกสั้นๆว่าโครงการผันน้ำยวมสู่เขื่อนสาละวิน

นายสะท้านกล่าวว่า เครือข่ายฯทราบว่ากรมชลประทานได้จัดให้มีโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม–อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลขึ้นโดยปัจจุบันได้ว่าจ้าง บริษัท ปัญญา คอนซัลแตนท์ จำกัด และมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต่อมา กรมชลประทานได้เสนอรายงาน EIA ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา ต่อมาเมื่อวันที่ 2  กรกฎาคม 2564 คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) พิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ได้มีมติเห็นชอบ EIA และได้นำเสนอรายงานดังต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) โดย กก.วล.ได้พิจารณาและมีมติผ่านความเห็นชอบรายงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564

“โครงการนี้จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ชุมชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และตาก ตลอดทั้งจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตลอดระยะเวลาในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กระบวนการจัดทำข้อมูล และการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ไม่ได้จัดทำข้อมูลและกระบวนการมีส่วนร่วมในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการอย่างแท้จริง” นายสะท้าน กล่าว

นายสะท้านกล่าวว่า การจัดทำ EIA ฉบับนี้ไม่ได้มีการจัดการให้มีการรับฟังความคิดเห็นแก่ผู้ได้รับผลกระทบหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการอย่างครบถ้วน ทั่วถึง และถูกต้อง นอกจากนี้ยังไม่มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นให้กับชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบในหมู่บ้านที่อยู่ในเขตพื้นที่ กองดินจากอุโมงค์ผันน้ำ การจัดทำเวทีรับฟังความคิดเห็น ไม่ได้ใช้การสื่อด้วยภาษาท้องถิ่น และไม่ได้แปลเป็นภาษาท้องถิ่นที่ทำให้ชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบเข้าใจได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มมชาติพันธุ์ปกาเกอญอ บางคนฟังภาษากลางไม่ถนัด

นายสะท้านกล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมเวที หรือการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ห่างไกลมากจากชุมชน ชาวบ้านจึงไม่สามารถเดินทางไปเข้าร่วมเวทีได้ด้วยอุปสรรคการเดินทางและถนนที่ไม่สะดวก โดยชาวบ้านได้ยื่นคัดค้านโครงการอย่างต่อเนื่องและเรียกร้องให้มีการชี้แจงโครงการผ่านเวทีชุมชน ในชุมชนที่จะได้รับผลกระทบ ผู้จัดทำรายงานไม่ได้ตอบสนองข้อเรียกร้องของชาวบ้าน

นายสะท้านกล่าวว่า ขอให้ กสม.ดำเนินการตรวจสอบ 1.กระบวนการการมีส่วนร่วมใน EIA ว่ากระบวนการการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้-ส่วนเสียจากโครงการได้ทำตามกระบวนการอย่างถูกต้องและครบถ้วนตามหลักการพื้นฐานของการจัดการมีส่วนร่วมของประชาชนหรือไม่ 2.กระบวนการการศึกษาข้อมูลและขั้นตอนการพิจารณาของ คชก.และ กก.วล. ได้พิจารณาเป็นไปตามเจตจำนงตามความในมาตราที่ 58 และ 59 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ. 2560  หรือไม่ 3.การจัดตั้งโครงการของกรมชลประทานครั้งนี้ เป็นการดำเนินโครงการที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน และสิ่งแวดล้อม หรือไม่อย่างไร

Related Posts

Send this to a friend