ปภ. เผย​ ค่าฝุ่นภาพรวมดีขึ้น​ พะเยา-ลำปาง ยังอ่วม​

ย้ำ 17 จังหวัด​ ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ประสานจังหวัดลดจำนวนจุดความร้อน​ หลังวันนี้พบสูงถึง​ 2,021 จุด

วันนี้ (18 ก.พ. 68) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง​ เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ ดีขึ้นตามที่ได้คาดการณ์ไว้ หลายพื้นที่มีค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีฟ้าและสีเขียว

ส่วนภาคตะวันตกในจังหวัดกาญจนบุรีและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่มีพื้นที่ใกล้กับชายแดนประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีส้ม​ สำหรับภาคเหนือ 17 จังหวัดมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีเหลืองและสีส้ม มี 2 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง ได้แก่ จังหวัดพะเยาและลำปาง โดยในเช้าวันนี้ จังหวัดที่มีค่าฝุ่นสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดพะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และกาญจนบุรี

ด้านจุดความร้อน (Hotspot) มี 2,021 จุด พบสูงสุดที่จังหวัดลำปาง ตาก กาญจนบุรี แพร่ และอุทัยธานี ถึงแม้จะลดลงกว่าเมื่อวาน แต่ยังนับว่าสูงเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา​ สถานการณ์ในห้วงถัดไปคาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากมีมวลอากาสเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย และมีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ช่วยบรรเทาฝุ่นละอองในอากาศได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม จากโมเดลคาดการณ์พบว่าในช่วงวันที่ 17–25 กุมภาพันธ์ 2568 ภาคเหนือยังมีอัตราการระบายอากาศที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ยังคงน่าเป็นห่วง

ด้าน นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ให้จังหวัดประสานการทำงานกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิดเพื่อลดจำนวนจุดความร้อน โดยมุ่งเป้าลดจุดความร้อนในพื้นที่ที่พบจุดความร้อนมากอย่างพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่การเกษตร

ทั้งนี้​ ปภ. ดำเนินมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ รวมถึงเตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัดที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ปัจจุบันร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่า