กมธ.อุตสาหกรรม เผยผลตรวจเลือดคนงานโรงงานเก็บกากแคดเมียม จ.สมุทรสาคร เกินมาตรฐาน 7 คน
วันนี้ (17 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังประชุม กมธ. โดยระบุว่า กมธ.เชิญปลัดกระทรวงการอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการความร่วมมือร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อแก้ปัญหากากแคดเมียม
นายอัครเดช กล่าวว่า สิ่งที่ กมธ.เป็นห่วง คือ การขนย้ายกากแคดเมียม 12,400 กว่าตัน กลับไปจังหวัดตากอย่างปลอดภัย ซึ่ง กมธ.มีข้อเสนอว่า ให้ใช้ดับเบิลบิ๊กแบคใส่กากแคดเมียมโดยมีพลาสติกปูที่พื้นใส่ในตู้คอนเทนเนอร์แล้วขนย้ายไปที่จังหวัดตาก เมื่อถึงที่หมายให้ใช้วิธียกถุงบิ๊กแบคลงไปในบ่อ เพื่อไม่ฟุ้งกระจาย และเสนอให้สร้างบ่อฝังกลบเพิ่มด้วย เพราะ 7 บ่อไม่เพียงพอ และเสนอให้ขนย้ายให้เร็วขึ้น โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอของบกลางจากนายกรัฐมนตรีเพื่อมาดำเนินการ
“หากให้เอกชนดำเนินการเองคงล่าช้า เพราะกลัวจะเสียค่าใช้จ่าย หลังจากนั้นค่อยไปฟ้องเรียกค่าดำเนินการจากผู้ประกอบการที่ทำการละเมิดกฎหมายให้มารับผิดชอบค่าใช้จ่าย เพราะในกฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่าสามารถเรียกร้องได้” นายอัครเดช กล่าว
นายอัครเดช กล่าวต่อว่า ทราบจากรองสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาครว่า จากการตรวจคนงานโรงงานเก็บสารแคดเมียมใน จ.สมุทรสาคร ตรวจเลือด 21 คน พบความเข้มข้นสารโลหะในเลือดมีค่าเกินมาตรฐาน 7 คน ส่วนประชาชนรอบโรงงานตรวจ 34 คน เกินมาตรฐาน 17 คน จึงขอให้หน่วยงานไปสอบสวนโรค และติดตามประชาชนกลุ่มนี้ต่อไป แล้วให้ขยายผลตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนกลุ่มอื่น
ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชี้แจงเรื่องการตรวจสภาพอากาศและน้ำพบว่า บริเวณโดยรอบโรงงานไม่พบสารปนเปื้อนแคดเมียมเกิดค่ามาตรฐาน กมธ.จึงขอให้จังหวัดตรวจเพิ่มเติมแหล่งน้ำธรรมชาติที่ต่อเนื่องจากท่อระบายน้ำในโรงงานทั้ง 3 แห่ง ว่าน้ำในสระและสัตว์น้ำมีสารปนเปื้อนหรือไม่ จากนั้นรายงานผลให้ กมธ.ทราบภายใน 7 วัน
นายอัครเดช กล่าวว่า ผู้ที่ละเมิดกฎหมาย ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้ตั้งคณะทำงาน โดยมีหัวหน้าผู้ตรวจกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐของกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนย้ายกากแคดเมียมดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมย้ำว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
สำหรับผู้ประกอบการปลายทาง อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมชี้แจงว่า มีการละเมิด พ.ร.บ.โรงงาน และ พ.ร.บ.วัตุอันตราย อธิบดีกรมโรงงานจะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อไป ส่วนต้นทางที่ปล่อยกากแคดเมียม ตัวแทนสำนักงานนโยบายสิ่งแวดล้อมแจ้งว่า ใบอนุญาตมี 2 ใบ คือ ใบอนุญาตประกอบโลหะกรรม ซึ่งหมดอายุไปแล้ว และใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน หรือ รง.4 ได้รับอนุญาต เพราะอีไอเอระบุว่าฝังในบ่อคอนกรีตอย่างถาวร ห้ามขุดขึ้นมาเด็ดขาด แต่เมื่อมีการละเมิดจะต้องดูว่าละเมิดกฎหมายเหมืองแร่ข้อไหน ส่วนใบ รง.4 ที่ยังไม่หมดอายุ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่จะตรวจสอบว่าสามารถดำเนินคดีในข้อหาใดได้บ้าง
นอกจากนั้น ผู้แทนของอธิบดีดีเอสไอชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ดีเอสไอรับเข้ามาเป็นคดีพิเศษแล้ว จะโอนสำนวนจาก บก.ปทส.มาให้ดีเอสไอดำเนินคดีแทน ซึ่งจะมีการประชุมกันเร็ว ๆ นี้ และจะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ประกอบการต้นทาง-ปลายทาง อย่างเร่งด่วน
นายอัครเดช กล่าวย้ำว่า กมธ.ขอให้เร่งประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนคลายความกังวล ให้ชี้แจงขั้นตอนในการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ส่วน กมธ.จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป และเข้าใจว่าการขนกากแคดเมียมกลับไป จ.ตาก ประชาชนคงไม่ต่อต้านถ้าได้ข้อมูลชัดเจน โดยภาครัฐลงไปให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และขอให้ประชาชนฟังข้อมูลจากส่วนราชการ อย่าฟังข้อมูลจากข่าวลือให้เกิดความเข้าใจผิด