กรมชลฯ สั่งเร่งเก็บน้ำรองรับทั่วประเทศ รับมือ ‘เอลนีโญ’ ช่วงเดือน มิ.ย. – ก.ย. นี้

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า การบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง เป็นไปตามแผนที่กรมชลประทานกำหนดไว้ ส่งผลให้กิจกรรมการใช้น้ำ 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ อุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ การเกษตร และอุตสาหกรรม ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทั้งนี้ยืนยันว่ากรมชลประทานจะมีน้ำสำรองไว้ใช้ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมนี้
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ พบว่ามีปริมาณน้ำรวมกัน 43,870 ล้าน ลบ.ม. หรือ 57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ปีนี้มีน้ำมากกว่าประมาณ 200 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 13,185 ล้าน ลบ.ม. หรือ 53% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วอยู่ประมาณ 3,000 ล้าน ลบ.ม.
กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ถึงปรากฎการณ์เอลนีโญในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนนี้ ว่าประเทศไทยจะเกิดฝนตกน้อยกว่าปกติ กรมชลประทาน จึงเตรียมแผนรับมือตั้งแต่ช่วงฤดูฝนปี 2566 เป็นต้นไป เพื่อลดผลกระทบต่อสถานการณ์ภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยได้กำชับให้โครงการชลประทานเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เร่งเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งน้ำเข้าระบบชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรได้เพาะปลูกแล้ว และจะเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ทันก่อนน้ำหลากช่วงกลางเดือนกันยายน ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัย และยังกำชับให้โครงการชลประทานปฏิบัติตามมาตรการบริหารจัดการน้ำฤดูฝนปี 2566 ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการรองรับฤดูฝนปี 2566 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนด อย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนมากที่สุด