ENTERTAINMENT

‘ม้า อรนภา’ เปิดใจกรณีตบดารารุ่นใหม่ที่เกาหลี ลั่น “แค่แตะ ไม่ได้ตบ”

‘ม้า อรนภา’ เปิดใจ กรณีตบดารารุ่นใหม่ที่เกาหลี เหตุไม่ไปกินปู ลั่น “แค่แตะ ไม่ได้ตบ” เผย ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะเคลียร์ใจกันแล้ว ยืนยัน เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมรับผลที่ตามมา

วันนี้ (30 พ.ย. 65) เวลา 15:00 น. ที่ MYT Studio ดารานักแสดงรุ่นใหญ่ ม้า อรนภา กฤษฎี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจง กรณีตกเป็นข่าวว่าตบหน้านักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ เหตุปฎิเสธไปกินปูด้วย ในการเดินทางร่วมทริปที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยระบุว่า ก่อนอื่นต้องขอบคุณกำลังใจที่ส่งเข้ามาให้เยอะมาก โดยหลังจากเกิดเหตุขึ้น ตนได้เขียนข้อความเอาไว้ตั้งใจที่จะโพสต์ลงโซเชียลแต่มีคนแนะนำว่าให้เงียบไว้ก่อน ซึ่งวันนี้ตนจะพูดในสิ่งที่ตนได้เขียนไว้ก่อน

โดยสิ่งที่ตนได้เขียนไว้ คือ ตนขอโทษและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ซึ่งยอมรับผิดทุกอย่างและก็ได้ขอโทษพร้อมกับปรับความเข้าใจกับดาราชายไปแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่าหลังจากนั้นดาราชายยังมีสิ่งที่คาใจจนต้องไปปรึกษาทนายความ ซึ่งหลังเกิดเรื่อง ตนพยายามที่จะติดต่อดาราชายอยู่ตลอด แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดาราชายก็ไม่กล้าจะมาเจอหน้าตน ตนจึงต้องพูดคุยผ่านอดีตผู้จัดการของดาราชายแทน

ในส่วน เรื่องรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากให้รอฟังจากปากของทั้ง 2 คนดีที่สุด อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจจากข่าว และอยากฝากขอโทษไปถึงพ่อแม่ของดาราชายคนดังกล่าว รวมทั้งขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวเอง และตนเองก็พร้อมยอมรับในผลที่จะตามมา

จากนั้น ม้า อรนภา ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ตนเองได้ทำ Marketing ให้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมที่เกาหลีใต้มานานแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้รู้จักดาราชายผ่านทางผู้จัดการของน้อง ซึ่งตนก็ยังบอกน้องว่าน้องเป็นคนหล่อแต่อาจจะต้องทำจมูกเพิ่ม หากจะเข้าวงการบันเทิง หลังจากนั้น ผู้จัดการก็ติดต่อกลับมาบอกว่า น้องตัดสินใจจะไปทำศัลยกรรมกับตน ตนจึงจัดการติดต่อกับทางเกาหลีใต้ให้ทุกอย่าง จนเดินทางไปด้วยกัน

ต่อมา ในวันก่อนที่จะไปทำศัลยกรรม ตนก็ได้แนะนำว่าอยากจะไปกินอะไร ไปกินปูไหม น้องก็บอกว่า อยากไป ชอบกินปู ตนจึงทำการจองร้านไว้เรียบร้อย ซึ่งร้านค่อนข้างหายาก เพราะมีหลายร้านที่ต้องปิดตัวไปในช่วงโควิด-19

จนมาถึงเหตุการณ์ตามภาพคลิปวงจรปิด เมื่อตนช็อปปิ้งเสร็จและกำลังจะไปกินปูกันตามที่ได้จองร้านเอาไว้ อยู่ๆ น้องก็พูดขึ้นมาว่า ไม่ไปกินปูแล้วนะ ตอนนั้นตนยอมรับว่าเป็นคนมือไว เลยแตะไปที่หน้าของน้อง พร้อมพูดว่า “จะบ้าหรอ” ซึ่งย้ำว่า”เป็นการแตะไม่ใช่การตบ” ลักษณะเหมือนเป็นการสั่งสอนเท่านั้น เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการเผลอแตะแขนแตะไหล่อยู่แล้ว

โดยเจตนาของตน คือต้องการจะสอนว่าอย่าพูดแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของการผิดนัด แต่เมื่อทำไปแล้ว น้องมีอารมณ์โมโห พูดว่า ตบหน้าผมเลยหรอ ถ้าเป็นคนอื่นผมด่าไปแล้ว และน้องก็พยายามเดินหนี ตนจึงได้สติว่าไม่น่ามือไว รู้สึกแย่ เสียใจมาก จึงรีบเดินไปจับน้องไว้ แล้วบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ตนทำไปเพราะตกใจที่อยู่ๆ น้องก็จะเปลี่ยนแผนกระทันหัน

ซึ่งหลังเหตุการณ์นั้น น้องก็บอกว่าอยากขอเวลาอยู่คนเดียวก่อน ตนเลยเดินตามห่างๆ แล้วไปยืนกินข้าวโพดรอให้น้องอารมณ์เย็นลง สักพักก็เข้าไปคุยกันจนเข้าใจกัน น้องก็บอกเองว่า เรื่องนี้จะรู้กันแค่สองคน ผมจะไม่บอกใครแม้กระทั่งผู้จัดการ และน้องก็บอกว่าผมเคารพแม่มาก แม่สอนอะไรหลายอย่าง พร้อมกับเข้ามากอดตน และบอกว่าไปกินปูกันครับ จากนั้นจึงไปกินปูด้วยกัน และพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งระหว่างกินน้องก็บอกว่าจริงๆ แล้วผมอยากกลับไปดูละครให้ทัน เมื่อกินเสร็จจึงกลับโรงแรม และนัดหมายไปทำศัลยกรรมในวันรุ่งขึ้น

พอหลังจากทำศัลยกรรมเสร็จ ระหว่างช่วงพักฟื้น น้องก็หลีกเลี่ยงการไปกินข้าวกับตน แต่จะซื้อขนมปังมากินเอง ตนก็ปล่อยให้น้องพัก แต่ก็พยายามโทรถาม และเตือนให้กินยาอยู่ตลอด และตัดสินใจไปเคาะห้อง น้องก็บอกว่า เดี๋ยวๆ โป๊อยู่ พอเข้าไปก็พูดคุยกันตามปกติ จนผ่านไป 3 วัน ต้องไปถอดเฝือกล้างแผลด้วยกัน น้องก็ยังพูดคุยกับตนตามปกติ ยังถ่ายรูปถ่ายคลิปให้ แต่พอออกมาจากโรงพยาบาล น้องบอกว่าเดี๋ยวเจอกันวันที่ 29 เลยคือวันที่ตัดไหม

ซึ่งระหว่างนั้นตนก็ได้ทักไลน์ไปหาผู้จัดการของน้องเพื่อจะถามว่าน้องคนนี้เป็นคนยังไง ผู้จัดการก็โทรกลับมาบอกว่า ไม่ได้ดูแลน้องคนนี้แล้ว ยกเลิกสัญญาเพราะว่าเพิ่งทะเลาะกันไป ต่อมาวันรุ่งขึ้นก็ปรากฏเป็นข่าวดังที่ประเทศไทย โดยตนรู้จากผู้จัดการของน้องที่โทรมาบอกให้ตนรีบออกจากประเทศเกาหลีใต้ และในโซเชียลก็มีทัวร์มาลงตนเยอะมาก ซึ่งพอรู้เรื่องตนก็พยายามโทรศัพท์หาน้องทันที แต่น้องไม่รับสาย ตนจึงส่งข้อความไปว่า ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้ แต่น้องไม่ตอบกลับ ตนเลยลบข้อความทิ้ง และเมื่อกลับไปที่โรงแรมก็เห็นว่าน้องเก็บของย้ายออกไปจากห้องหมดแล้ว

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (29 พ.ย.) มีนัดตัดไหมก่อนเดินทางกลับ ตนถึงเพิ่งได้เจอน้องเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่อง ซึ่งน้องได้บอกกับตนว่า พี่คงไม่เครียดหรอก เพราะผ่านอะไรมาเยอะ แต่ผมเครียดมาก เพราะไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต ผมแค่ต้องการจะสั่งสอนพี่ว่า ไม่ควรไปตบหน้าใคร ซึ่งตนก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนแนะนำให้น้องไปปรึกษาทนายความ แต่ทราบมาว่าน้องได้ทักไปหาทนายความหลายคน แต่มีเพียงคนเดียวที่ตอบกลับมา อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนก็บอกว่าเอาผิดไม่ได้ ส่วนการที่น้องไปแจ้งความไว้ที่เกาหลีใต้ ตนได้ให้สถานทูตไทยเช็คไปยังสถานีตำรวจเมียงดงแล้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ในแต่ละวันมีเยอะมาก ลักษณะเหมือนแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อที่จะนำไปขอคลิปกล้องวงจรปิด และตลอดเวลาที่อยู่ที่เกาหลีใต้จนถึงเดินทางกลับมา ก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาหาตนแต่อย่างใด

ม้า อรนภา กล่าวต่อว่า ในส่วนความรู้สึกของตนเองกับน้อง ตนยังหวังดีด้วยเสมอ แต่ไม่รู้ว่าน้องจะยังรู้สึกดีกับตนหรือไม่ ซึ่งอาจจะไม่ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำแบบนี้ แต่สำหรับตนเรื่องระหว่าง 2 คนจบไปตั้งแต่ที่ขอโทษกันแล้วไปกินปูด้วยกันแล้ว

ส่วนกรณีที่มีบุคคลที่สามออกมาพูดถึงเรื่องนี้จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต ยอมรับว่าทำให้ตนเสียหายมาก แต่หากเทียบกับช่วงที่ตนโดนให้ออกจากงาน ก็เป็นเรื่องที่ใหญ่โตกว่ามาก ตนยังสามารถให้อภัยได้ ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่เข้าใจกัน ตนก็ไม่คิดว่าจะเอาเรื่องไปบอกกับทนายความ ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดี แต่ตนควบคุมอารมณ์ได้ ส่วนจะฟ้องใครหรือไม่ ตนคงยังตอบไม่ได่ เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ส่วนกับทนายความที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้จนไม่มีอะไรจะฝากถึง และในวันพรุ่งนี้ ตนจะได้เจอกันกับน้องเพื่อเคลียร์ใจกันในรายการคุยแซ่บโชว์ด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าน้องดาราชายนำเรื่องนี้มาเปิดเผยกับทนายความ เพื่อจะใช้ชื่อเสียงของตนมาสร้างกระแสให้ตัวเองหรือไม่ ม้า อรนภา ตอบว่า ตนไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรแล้ว และเมื่อถามถึงประเด็นเรื่องชู้สาว ม้า อรนภา ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน ตนแก่ขนาดนี้แล้ว ส่วนที่ไปเคาะห้องก็เป็นหน้าที่ของตนที่ต้องไปดูแลลูกค้าว่าหลังจากทำศัลยกรรมมาหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือไม่ พร้อมยืนยันหลังจากนี้ยังจะทำ Marketing ให้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมต่อไป และทิ้งท้ายว่า ถ้าอยากทำศัลยกรรม ให้ไปกับตน รับรองจะดูแลอย่างดี เลี้ยงปูและไม่ตี ขอให้พูดกันดีๆ

Related Posts

Send this to a friend

Thailand Web Stat