BUSINESS

MFEC​ ตั้งเป้าปี 67 รายได้กลุ่มธุรกิจ 6,734 ล้าน

บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (MFEC) ผนึกกำลังพันธมิตรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์มากกว่า 20 ราย จัดงาน MFEC Cyber Sec Pro 2: The cybersecurity bridge between digital world and human ชี้องค์กรทั้งภาครัฐ​ และเอกชน​ ควรให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบ Generative AI ควบคู่กับการวางแผนกลยุทธ์ยกระดับแรงงานดิจิทัล เพิ่มเสถียรภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าปีนี้ ภาพรวมกลุ่มธุรกิจ MFEC มีรายได้เติบโตเฉลี่ยทบต้นต่อปี (CAGR) 11.4% จากปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ 6,734 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มไซเบอร์ซิเคียวริตี้ประมาณ 25%

แม้เศรษฐกิจไทยจะอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ภาพรวมตลาดไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในประเทศไทยปี 2567 กลับเติบโต 1.4 หมื่นล้านบาท หรือมีอัตราเติบโตทบต้นต่อปี 14.10% สาเหตุจากอัตราภัยไซเบอร์และความท้าทายรูปแบบใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสร้างความเสียหายรุนแรงขึ้นอย่างทวีคูณ ผนวกกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยุคเศรษกิจและสังคมดิจิทัล ผลักดันให้องค์กรต้องหาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

จากข้อมูลการวิจัยของ Cybersecurity Ventures คาดการณ์ว่า​ ความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางไซเบอร์อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก 9.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และอาจสูงขึ้นถึง 10.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 ขณะที่ข้อมูลจาก Krungthai COMPASS เผยว่าการประเมินมูลค่าการลงทุนด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ของไทยจากปี 2565 คาดว่าจะเติบโตทบต้นต่อปี​ 13% ไปอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาทในปี 2568 ทำให้รายได้รวมของอุตสาหกรรมระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้ของไทยเพิ่มขึ้นจาก​ 4.4 พันล้านบาทในปี 2565 พุ่งขึ้นเป็น 6.3 พันล้านบาทในปี 2568 หรือมีอัตราเติบโตเฉลี่ยทบต้นต่อปี 12.3%

นอกจากนี้​ ธุรกิจให้บริการติดตั้งระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้มีอัตราการเติบโตที่โดดเด่น ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยทบต้นต่อปีของรายได้อยู่ที่ปีละ 14.5%3 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญ และการตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้ในยุคที่ความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา​ ตลาดของโลกเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งรวมถึงตลาดไซเบอร์ซิเคียวริตี้มีความสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ การหดตัวของการลงทุนในประเทศไทยทำให้ลูกค้าของ MFEC ต้องปรับตัวตาม แต่ธุรกิจไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของ MFEC ยังคงเติบโตได้ดี และเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เราใช้กลยุทธ์ Tech with Propose และนำเทรนด์ AI มาต่อยอดเป็นบริการโซลูชันใหม่เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

นายดำรงศักดิ์ รีตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยีและระบบ Gen AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค้นหาความผิดปกติในระบบ และปรับรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการโจมตี ในขณะเดียวกัน องค์กรจำต้องวางกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรแรงงานดิจิทัลให้พร้อมใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน

การนำ Gen AI มาใช้เพื่อต่อกรกับภัยไซเบอร์เป็นการช่วยผ่อนแรงมากกว่าการมาแทนที่ เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจในหลากหลายมิติ ซึ่งการใช้เทคโนโลยีไซเบอร์ซิเคียวริตี้ และ Gen AI เพื่อการป้องกันภัยเชิงรุกอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลงทุนในทักษะและความรู้ของบุคลากรทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง คือวิธีที่จะก้าวนำหน้าอาชญากรไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

นายดำรงศักดิ์​ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน MFEC มี Cybersecurity Engineer กว่า 120 คนที่พร้อมให้บริการ โดยบริษัทฯ วางแผนที่จะขยายตลาดและเติบโตในธุรกิจนี้อย่างก้าวกระโดดผ่านการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มองค์กรขนาดกลาง (Mid-size) มากขึ้น รวมถึงการให้บริการแบบ Managed Service ครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐและเอกชน

Related Posts

Send this to a friend