BUSINESS

สิงห์ เอสเตท เผยรายได้ปี 65 ทำกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเปิดตัวบ้านแนวราบ 5 โครงการ

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ ล่าสุดประกาศรายได้ปี 2565 สูงเป็นประวัติการณ์ หรือมีรายได้กว่า 12,530 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท พร้อมกันนี้ได้จ่ายปันผล แก่ผู้ถือหุ้น 0.02 บาทต่อหุ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ จากการปั้นธุรกิจที่พักอาศัย หลังปรับโครงสร้างใหญ่ได้เพียง 1 ปี และในปี 2566 พร้อมตั้งเป้าเดินหน้าโครงการ บ้านแนวราบใหม่ 5 โครงการ ที่รวมมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท เสริมทัพด้วยกำไรจากธุรกิจโรงแรม รับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ของภาคการท่องเที่ยว

นางฐิติมา เปิดเผยว่า “สำหรับผลประกอบการที่ดีในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการผลักดันรายได้ ในทุกกลุ่มธุรกิจของเรา ควบคู่การบริหารต้นทุนอย่างเข้มข้น ผลส่งให้เรามีกำไรสุทธิ 490 ล้านบาทในปี 2565 โดยบันทึกกำไรสามไตรมาสติดต่อกัน จึงถือได้ว่าปี 2565 นี้ เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวความสำเร็จของ สิงห์ เอสเตท จากความทุ่มเทในการปรับตัว เพื่อเอาชนะความท้าทายต่อสภาวะตลาดและสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว นอกจากนั้นแล้ว บริษัทฯยังคงมีความมุ่งมั่น ในการทำงานด้านความยั่งยืนในทุกมิติอย่างจริงจัง ภายใต้นโยบายการสร้างความหลากหลาย ที่สมดุลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Diversity) เพื่อสร้างจุดแข็งทางธุรกิจเพื่อส่งเสริมซึ่งกัน และกันระหว่างธุรกิจ พร้อมเปิดตัวโครงการใหม่อีกหลายโครงการ ตามแผนธุรกิจภายในปี 2565 ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะผลักดันรายได้ของสิงห์ เอสเตท ให้เติบโตต่อเนื่องในอนาคต”

ส่วนทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566

1.ธุรกิจในกลุ่มโรงแรม คาดว่ากลุ่มโรงแรมจะเติบโตโดดเด่นกว่าปี 2565 เนื่องจากเราเห็นโมเมนตัมที่ดีของการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ต่อเนื่องมาช่วงต้นปี 2566 โดยเฉพาะโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ และความสำเร็จของการพัฒนาบริหารแบรนด์ SAii ที่ช่วยผลักดัน ADR ให้สูงกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ถึง 17% โดยแรงส่งสำคัญนี้ ผนวกกับความต้องการท่องเที่ยวที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน การบริหารพอร์ตอย่างมีประสิทธิภาพของ SHR ทั้งภาคการตลาดเชิงรุก การเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่และตลาดที่มีกำลังซื้อ คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ ของพอร์ตโรงแรมโดยรวมเติบโตได้ถึง 20% เสริมด้วย การเปิดดำเนินการของโรงแรม โซ/ มัลดีฟส์ (So/ Maldives) รีสอร์ทแห่งที่ 3 บนโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

2.อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย บริษัทฯมุ่งพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ หลังจากที่ได้มีการปรับโครงสร้างใหญ่ในธุรกิจที่พักอาศัยได้เพียง 1 ปี ซึ่งในปี 2565 ผลการดำเนินงานมีความสำเร็จอย่างสูงและมียอดขาย ที่รอรับรู้รายได้จากการโอนของโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ราว 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดระดับ ultra luxury ที่มีกำลังซื้อแข็งแกร่งและมีความอ่อนไหว ต่อสภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่า พร้อมเดินหน้ารุก 5 โครงการบ้านแนวราบใหม่ รวมมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์สร้างบ้านคุณภาพ บนมาตรฐานสิงห์ เอสเตท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในปี 2566 พร้อมรับรายได้ภายในปี ช่วยผลักดันรายได้จากธุรกิจที่พักอาศัยให้เติบโตเกือบเท่าตัว

3.อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า จะเติบโตจากยอดรายรับเต็มปี ของอาคาร S-OASIS อาคารสำนักงานเพื่อคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไฮบริด ซึ่งเป็นความต้องการของเทรนด์การทำงานในปัจจุบัน มีพื้นที่เช่าขนาดใหญ่กว่า 54,000 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยสะดวกที่ทันสมัย รักษาสิ่งแวดล้อมบนมาตราฐานระดับสากล ซึ่งช่วงปลายปี 2565 อาคาร S-OASIS มีผู้เช่าหลักเข้ามาจับจองพื้นที่แล้ว ส่งผลดีต่อการเพิ่มอัตราการปล่อยเช่าในปี 2566 นี้

4.นิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน คาดการณ์กิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ จะเป็นไปตามแผนในปี 2566 เพราะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และความต้องการพื้นที่ของโรงงานอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมปัจจัยการกระตุ้นจากภาครัฐ หนุนด้วยการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ของโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันผลกำไรของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ทั้งนี้การร่วมผนึกกำลังกันระหว่างบริษัทฯในเครือ และพันธมิตรทางธุรกิจจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนสร้างคุณค่า ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มและทำให้ สิงห์ เอสเตท มีความแข็งแกร่งทางการเงิน ตามเป้าหมายของบริษัทฯ”

Related Posts

Send this to a friend