BUSINESS

BEARHOUSE เปิดตัว Fruit Tea Series ส่งเมนู ชาผลไม้นุ่มชีส เขย่าตลาดพรีเมียมแมส

BEARHOUSE แบรนด์เครื่องดื่มชานมไข่มุกโมจิ เปิดซีรีส์ใหม่ Fruit Tea Series ส่งเมนู “ชาผลไม้นุ่มชีส” เขย่าตลาดพรีเมียมแมส หลังจากประสบความสำเร็จต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน โดยได้เปิดตัว 23 สาขา บนทำเลทองรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมนำร่องสาขาต่างจังหวัดที่โคราช พร้อมกันนี้โชว์ยอดขายปี 2565 ทะยาน 210 ล้านบาท ส่งผลธุรกิจโต 79%

นางสาวปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช (ซารต์) ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด เจ้าของร้านชานมไข่มุกแบรนด์ไทย “BEARHOUSE” (แบร์เฮาส์) กล่าวว่า “ในปี 2566 เป็นปีที่ BEARHOUSE ดำเนินธุรกิจครบรอบ 4 ปี พร้อมเดินหน้าสู่ปีที่ 5 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา BEARHOUSE เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดเด่นของวัตถุดิบและรสชาติ ที่เป็นซิกเนเจอร์ในแบบฉบับของตัวเอง คือ ไข่มุกโมจิปั้นสด สูตรเฉพาะที่คิดค้นและทำเองใส่ใจ ในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่แป้งซึ่งมีแป้งข้าวไทย เป็นส่วนประกอบ และปั้นสดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันรา และสารกันบูด ให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่าง เคี้ยวนุ่ม หนึบหนับ กับเครื่องดื่มรสชาติ กลมกล่อม ส่งผลให้ BEARHOUSE ได้กระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่วันแรก ที่เปิดให้บริการสาขาแรกที่สยามสแควร์
ในปี 2562”

จากการขับเคลื่อนแบรนด์ด้วย Passion ควบคู่ไปกับการขยายสาขา และเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือเมนูใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน BEARHOUSE มีสาขารวมทั้งสิ้น จำนวน 23 แห่ง ในทำเลทองรอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งได้นำร่องเปิดสาขาต่างจังหวัด ที่เป็นหัวเมืองใหญ่ คือ นครราชสีมาเป็นจังหวัดแรก ในปี 2565

ล่าสุด BEARHOUSE ได้เปิดตัวเครื่องดื่มเมนูใหม่ Fruit Tea Series ใน 2 หมวดสินค้าคือ ชาผลไม้นุ่มชีส และชาใสนุ่มชีส โดยกลุ่มที่เป็นเรือธงของ Fruit Tea Series คือ “ชาผลไม้นุ่มชีส” มีให้เลือก 3 รสชาติ คือ ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส,ชาเนื้อส้มนุ่มชีส และชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส ชูจุดเด่น “ชาผลไม้เนื้อเยอะ อร่อยคุ้ม นุ่มชีส” ให้เนื้อผลไม้แบบจัดเต็มทุกแก้ว เลือกใช้เนื้อผลไม้คุณภาพ และมีความพิถีพิถันในการต้มชาเพื่อให้ได้ชาที่หอม รสนุ่ม ไม่ฝาดติดลิ้น พร้อมด้วยท็อปปิ้งนุ่มชีส (Noom Cheese) สูตรเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ของ BEARHOUSE ให้รสสัมผัสนุ่มละมุน ไม่หนักจนเลี่ยน หอมมันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยรสชาติของครีมชีสแท้ นำเข้าจากออสเตรเลีย มาพร้อมขนาดใหญ่จุใจในราคาแก้วละ 120 บาท

“ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา BEARHOUSE มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่เปิดดำเนินการ มียอดขาย 17 ล้านบาท ต่อมาในปี 2563 ยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 82 ล้านบาท ส่วนปี 2564 มียอดขาย 104 ล้านบาท และในปี 2565 สามารถทำยอดขายได้ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับปี 2564 ถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุด ในตลาดร้านชา ซึ่งมาจากการขยายสาขา พร้อมทั้งการเพิ่มโปรดักส์ไลน์ และเปิดตัวเมนูใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน BEARHOUSE มียอดขายเฉลี่ยวันละ 8,000 แก้ว แบ่งเป็นยอดขายวอล์คอิน (Walk-In) หน้าร้าน 60% และดิลิเวอรี (Delivery) 40%”

ด้าน นายอรรถกร รัตนารมย์ (กานต์) ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้จัดการทั่วไป บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารไทย มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยปีละ 16% โดยในส่วนของตลาดร้านชายังคงเติบโตต่อเนื่อง มีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งจำนวนมาก ในตลาด Red Ocean เนื่องจากสินค้าและบริการที่เหมือนๆกัน ซึ่ง BEARHOUSE จัดอยู่ในกลุ่ม Blue Ocean ถือเป็นตลาดที่มีคู่แข่งน้อย และแข่งขันในด้านการสร้างคุณค่า และความแตกต่างของแบรนด์ โดยยังมีอัตราการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง และเป็นตลาดที่ยังมีโอกาส และสามารถเติบโตได้อีกมาก ซึ่งตลอดมา BEARHOUSE ก็ได้ให้ความสำคัญกับการวิจัย และพัฒนา (R&D) ผลิตภัณฑ์ เพื่อต่อยอด สร้างจุดขาย และรองรับต่อความต้องการ ของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน”

“การทำธุรกิจแบบ BEARHOUSE เริ่มต้นมาจากลูกค้า ดังนั้นทุกๆคำติชม และแนะนำจากลูกค้า
จะถูกนำมาพัฒนาแก้ไข และนำไปสร้างให้เกิดระบบในองค์กร แม้เราจะทำงานเร็วเหมือนบริษัทขนาดเล็ก แต่เราสามารถพัฒนาระบบบริหารงาน ให้ใกล้เคียงกับบริษัทขนาดใหญ่ มีการวางระบบบัญชี ระบบ HR ระบบเทรนนิ่งอย่างจริงจัง ตั้งแต่เปิดตัวสาขาแรก เรามีเป้าหมายชัดเจนว่าไม่ได้ทำธุรกิจแบบเล่นๆ ดังนั้นเรื่องเล็กๆของลูกค้า ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา ที่จะนำมาใช้พัฒนาการบริหารจัดการภายในองค์กร โดยวางจุดยืนให้ BEARHOUSE เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมแมส และเป็นตัวเลือกในระยะยาวสำหรับผู้บริโภค”

Related Posts

Send this to a friend