เบทาโกร ชูจุดแข็ง Food Service Solution ตอบโจทย์ผู้บริโภค และผู้ให้บริการร้านอาหาร
วันนี้ (17 พ.ย. 65) เบทาโกร ผู้นำธุรกิจอาหาร (Food Service Solution) สร้างการเติบโตในตลาดผลิตภัณฑ์อาหาร สำหรับผู้ให้บริการด้านอาหาร ชูจุดแข็งความร่วมมือกับคู่ค้าธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยวัตถุดิบอาหารที่มีคุณภาพ และความปลอดภัย ด้วยระบบจัดการมาตรฐานเบทาโกร (Betagro Quality Management: BQM) ทั้งคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยอาหาร และการส่งออกสินค้าอาหารไปยังตลาดต่างประเทศ ควบคู่กับการขยายฐาน Food Service Solution ผ่านความร่วมมือกับคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค และผู้ให้บริการด้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบ
ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ – กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท
เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การให้ความสำคัญในเรื่องรสชาติ คุณค่าโภชนาการ คุณภาพ และความปลอดภัยของอาหาร ตลอดจนการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG (Environment, Social, and Governance) ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่สร้างศักยภาพให้ธุรกิจอาหารสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะเรื่องรสชาติและคุณค่าโภชนาการของอาหาร โดยเบทาโกรให้ความสำคัญ ในการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหารเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง”
เราได้จัดตั้งศูนย์นวัตกรรมอาหาร (FIC) ที่มีนักวิทยาศาสตร์การอาหาร และนักโภชนาการกว่า 70 คน ร่วมกันค้นคว้าวิจัย เพื่อพัฒนาสูตรอาหารที่ให้ทั้งรสชาติอร่อยถูกปาก และมีคุณค่าทางอาหารมากที่สุดสำหรับผู้บริโภค ล่าสุดเบทาโกรจึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ เพื่อลดผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม โดยเลือกใช้พลังงานทดแทน จากเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนอาคารโรงงานกว่า 35 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงลดการใช้พลาสติกในส่วนของบรรจุภัณฑ์ โดยได้มีการลงทุนเพื่อการเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเบทาโกรถือเป็นบริษัทแรกที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นถาดกระดาษ (paper trays) แทนถาดพลาสติก สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อหมูและเนื้อไก่ในแบรนด์ S-Pure นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ ในฐานะผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายแรกของไทยที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นถาดกระดาษ โดยได้ทดลองใช้บรรจุภัณฑ์ดังกล่าว ในร้านค้าบางสาขา และมีแผนจะใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศในปี 2566 ที่สำคัญ บริษัทจะได้เดินหน้าลงทุน เพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ปัจจุบันเบทาโกรมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรือธงได้แก่ แบรนด์ S-Pure, Betagro, ItoHam โดยแบรนด์ S-Pure เป็นผลิตภัณฑ์ซูเปอร์พรีเมียม จากเนื้อสัตว์คุณภาพสูง ที่มีกระบวนการเลี้ยงและดูแลแบบธรรมชาติ 100% (100% Natural Pure Process) การันตีด้วยมาตรฐานสากล และถือเป็นแบรนด์แรกของโลกและของไทยที่ได้รับการรับรอง “การเลี้ยงโดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ (Raise Without Antibiotics – RWA)” โดย “NSF International”
นอกจากการขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคแล้ว เบทาโกรยังตั้งเป้าการเติบโต จากกลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการด้านอาหาร (Food Service) ไปพร้อมกัน โดยการขยายตลาดสำหรับกลุ่มธุรกิจ B2B ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตร กับกลุ่มผู้ให้บริการด้านอาหาร ทั้งผู้ประกอบการรายย่อย เครือข่ายร้านอาหารขนาดใหญ่ โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงเรียนสอนประกอบอาหาร สายการบิน รวมถึงผู้ประกอบการที่มีครัวขนาดเล็ก และไม่มีหน้าร้านในรูปแบบ Cloud Kitchen ซึ่งหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ให้บริการด้านอาหาร ต่างต้องเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนพนักงานในครัวที่มีฝีมือ ลูกค้ากลุ่มนี้จึงต้องการโซลูชั่นด้านอาหาร (Food Solution) ที่มีความสะดวกสบาย ง่าย ลดขั้นตอนการทำงานในครัว ซึ่งทีมเชฟที่มากประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารของเบทาโกร จะช่วยนำเสนอบริการ วางแผนธุรกิจ และให้คำปรึกษาด้านธุรกิจอาหารอย่างเป็นมืออาชีพ ควบคู่ไปกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุง ตอบโจทย์ผู้ให้บริการด้านอาหารได้ตรงจุดขึ้น ถือเป็น Food Service Solution แบบครบวงจร ช่วยเพิ่มความสะดวก และความแข็งแกร่งให้กับลูกค้ากลุ่ม ผู้ให้บริการด้านอาหาร และธุรกิจค้าปลีกได้อย่างลงตัว”