ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผย 94% ของบริษัทในเอเชียกำหนดเป้าหมายความยั่งยืน แต่มีน้อยกว่าครึ่งที่ดำเนินตามแผน
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยผลการสำรวจความยั่งยืนประจำปีของชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric’s Annual Sustainability Survey) พบว่า 94% ของบริษัทในเอเชียมีการกำหนดเป้าหมายหรือจุดมุ่งหมายด้านความยั่งยืน แต่มีน้อยกว่าครึ่ง (4 ใน 10) ที่ดำเนินการหรือกำลังฝึกฝนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่ครอบคลุม แม้ผู้นำธุรกิจเกือบ 60% มองว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องที่มีความสำคัญระดับสูง ทั้งสำหรับตัวองค์กรเองและสำหรับประเทศ แต่มีบริษัทเพียง 54% เท่านั้น ที่มีแผนกหรือทีมที่รับผิดชอบในการขับเคลื่อนเป้าหมายและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
การสำรวจเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในปีนี้ มาจากการพูดคุยกับผู้นำจำนวน 4,500 ราย ใน 9 ประเทศ เพื่อรวบรวมมุมมองของผู้นำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียเกี่ยวกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างร่วมกับ Milieu Insight เกี่ยวกับความยั่งยืน รวมถึงผลกระทบต่อธุรกิจของตนในตลาดต่าง ๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และประเทศไทย
การสำรวจยังมุ่งเน้นที่การตรวจสอบ ‘Green Action Gap’ ขององค์กรในแต่ละประเทศ โดยพบว่า Green Action Gap ในระดับภูมิภาค อยู่ที่ 50% แสดงถึงความความแตกต่างระหว่างบริษัทที่มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ 94% และมีเพียง 44% ที่ดำเนินการตามแผนความยั่งยืนของตนเอง
หลายบริษัทในเกาหลีใต้ สะท้อนให้เห็นช่องว่างการดำเนินการที่ใหญ่ที่สุดคือ 58% ตามด้วยเวียดนาม 52% ขณะที่ไต้หวันมีช่องว่างน้อยที่สุดในภูมิภาคที่ 37% ส่วนประเทศไทย บริษัทที่มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนสูงถึง 98% และมีบริษัทที่ดำเนินการตามแผนความยั่งยืน 53% ทำให้มี Green Action Gap อยู่ที่ 45%
จากรายงานยังพบว่า เหตุผลหลักที่องค์กรทั่วภูมิภาคต่างเดินหน้าสู่การสร้างความยั่งยืน คือ เพื่อเพิ่มนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน 39% เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ 37% โดยที่ประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ค่อนข้างเห็นพ้องต้องกันว่าความยั่งยืนมีส่วนช่วยสร้างการเติบโตของธุรกิจ
แม้บริษัทส่วนใหญ่มีเป้าหมายด้านความยั่งยืน แต่ 57% ของเป้าหมายเหล่านี้เป็นเป้าหมายระยะสั้น ซึ่งครอบคลุมเพียงระยะเวลาสี่ปีหรือน้อยกว่านั้น ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ อาจมีความมั่นใจมากขึ้นในการกำหนดเป้าหมายที่มีรายละเอียดสำหรับอนาคตอันใกล้ แต่บริษัทเหล่านี้ต่างต้องพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนจากแผนงานด้านความยั่งยืนในภาพใหญ่ ให้เป็นการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อใกล้ถึงเวลาเส้นตายที่ต้องบรรลุเป้าหมายเหล่านี้
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา กล่าวว่า ผลการสำรวจช่องว่างระหว่างความตั้งใจและการดำเนินการ เผยให้เห็นว่ายังมีงานที่ต้องทำอยู่ สิ่งสำคัญสำหรับบริษัทต่าง ๆ ในเอเชียคือ การแปลงแรงบันดาลใจด้านความยั่งยืนให้เป็นการดำเนินการที่จับต้องได้ เพื่อจัดการกับความท้าทายในการดำเนินงานและการนำกลยุทธ์ระยะยาวมาใช้ในการวางแผนเพื่อเดินหน้าจัดการกับความจำเป็นที่เร่งด่วนเพื่อสร้างความยั่งยืน