BUSINESS

เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ เปิดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ หวังดันไทยสู่ Digital Hub ภูมิภาค

เอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ ประเทศไทย (STT GDC Thailand) บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (FPL) และเอสที เทเลมีเดีย โกลบอล ดาต้าเซ็นเตอร์ (STT GDC) เปิดตัว “STT Bangkok 3” ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ของ STT GDC ในประเทศไทย กำหนดเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2566 ซึ่ง STT Bangkok 3 ตั้งอยู่ภายในโครงการ One Bangkok โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูส ใจกลางย่านธุรกิจกรุงเทพฯ

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม FPL กล่าวว่า ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ในโครงการ One Bangkok จะเป็นสมาร์ทซิตี้ของไทยที่เสริมด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมการก่อสร้างล่าสุด เป็นต้นแบบของเมืองเพื่อการอยู่อาศัยในอนาคต อีกทั้ง One Bangkok จะดึงดูดธุรกิจดิจิทัลชั้นนำทั้งในและต่างประเทศให้มาตั้งที่ทำงานที่แห่งนี้ ถือเป็นการขยายภาพของไทยด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และเพิ่มความแข็งแกร่งในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

บรูโน่ โลเปซ ประธานและกรุ๊ปซีอีโอ STT GDC กล่าวว่า STT Bangkok 3 จะเป็นศูนย์กลางเครือข่ายที่เพิ่มศักยภาพแก่ธุรกิจผ่านการเชื่อมต่อที่ไร้รอยต่อ และอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนทำเลที่ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ พร้อมส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ยืดหยุ่น ครอบคลุมทั้งด้านการออกแบบ การดำเนินงาน และการสนับสนุนลูกค้า ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นกุญแจสำคัญระยะยาวขององค์กรธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม

นายศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STT GDC Thailand กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยสู่การเป็น Digital Hub สร้างรากฐานดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง โดย STT Bangkok 3 จะสร้างมาตรฐานใหม่ มอบประสิทธิภาพเครือข่ายและการเชื่อมต่ออย่างดี ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและมีทางเลือกที่ดีกว่า ซึ่งโครงการ One Bangkok ทำให้ STT Bangkok 3 เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทันสมัย เป็นส่วนสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของไทย

สำหรับจุดเด่นที่สำคัญของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ STT Bangkok 3 นั้น ประกอบด้วย

1.มีกำลังไฟฟ้าขนาด 2 เมกะวัตต์ และเมื่อรวมกับ STT Bangkok 1 และ STT Bangkok 2 จะทำให้ STT GDC Thailand ให้บริการรองรับกำลังไฟได้รวมกันสูงสุดถึง 42 เมกะวัตต์

2.ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือระดับนานาชาติ ทั้ง Uptime Institute’s Tier III, มาตรฐาน ISO-27001 และมาตรฐาน PCI-DSS ที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมในการเก็บข้อมูล มีความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย

3.ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัยใจกลางกรุงเทพฯ

4.สามารถเข้าถึง และเลือกผู้ให้บริการเครือข่ายที่หลากหลาย เพิ่มประสิทธิภาพความยืดหยุ่นและความปลอดภัยของเครือข่าย

5.มุ่งสู่ความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล ด้วยพลังงานที่ได้จากระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling Energy)

Related Posts

Send this to a friend