ผลการวิจัยของเจนีวา เน็ตเวิร์ค พบว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนที่จำต้องยกระดับกรอบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property rights – IPR) รวมถึงกลไกการบังคับใช้กฏหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลกเพื่อให้ประเทศสามารถก้าวสู่กลุ่มประเทศที่มีรายได้สูง
งานวิจัยดังกล่าวมีชื่อว่า “ความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อการพัฒนา: สาระสำหรับการปฏิรูปของประเทศในกลุ่มอาเซียน” ซึ่งระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับปรุงในหลายๆ ด้าน อาทิ การตรวจสอบสิทธิบัตรและการปกป้องสิทธิบัตรเพื่อผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพื่อไม่ให้ติดกับดักรายได้ปานกลาง รวมทั้งสามารถก้าวสู่เศรษฐกิจที่มีรายได้สูงขึ้น
เจนีวา เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยและสนับสนุนนโยบายรัฐจากประเทศอังกฤษกล่าวว่า ประเด็นการพัฒนานวัตกรรม การค้าและการพัฒนา รวมถึงกรอบการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็งเป็นตัวผลักดันที่สำคัญให้ประเทศก้าวสู่เศรษฐกิจบนฐานความรู้ และยังมีความสำคัญมากต่อการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างงานที่มีมูลค่าสูง และขยายธุรกิจในประเทศ กฏหมายคุ้มครองสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าที่เข้มแข็งขึ้นเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับเครื่องหมายทางการค้ามีส่วนสำคัญต่อ GDP ของประเทศถึงร้อยละ 22 ในขณะที่อุตสาหกรรมที่เน้นความคิดสร้างสรรค์จำต้องอาศัยการปกป้องลิขสิทธิ์เพื่อให้อยู่รอด